เรื่อง

หน้าเป็นฝ้า

หน้าเป็นฝ้า รักษาได้ไม่ยาก ด้วยการทำ IPL

หน้าเป็นฝ้า หายช้า ไม่รู้จะทำยังไงลอง ทำ IPL ดูก่อนดีไหม

ปัญหาฝ้าจะหมดไป แค่คุณทำ IPL อีกหนึ่งนวัตกรรมใหม่เพื่อความงามของสาวๆ ที่จะช่วยรักษาฝ้าอย่างรวดเร็วทันใจ แถมยังทำให้ใบหน้าดูกระจ่างใสขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย ซึ่งใครที่ หน้าเป็นฝ้า ก็ลองมาทำ IPL กันดู แล้วจะได้ผลลัพธ์ที่โดนใจคุณอย่างแน่นอน

การรักษาฝ้าด้วย IPL คืออะไร

การทำ IPL เพื่อรักษาฝ้านั้น ก็จะคล้ายกับการทำเลเซอร์นั่นเอง โดยจะใช้แสงจาก IPL ยิงไปบนผิวหน้าบริเวณที่เป็นฝ้า เพื่อให้ความร้อนเข้าไปทำลายเม็ดสีผิวเมลานิน ซึ่งจะทำให้ฝ้าค่อยๆ จางลงไป จนทำให้ผิวดูเรียบเนียน และสีผิวมีความสม่ำเสมอกันมากขึ้น

หน้าเป็นฝ้า

ต้องทำ IPL กี่ครั้ง

การรักษาฝ้าด้วย IPL ให้ได้ผลดีนั้น จะต้องทำอย่างต่อเนื่อง โดยให้ทำทุกๆ 2 สัปดาห์ จนกว่าฝ้าจะจางลงอย่างเห็นได้ชัด จากนั้นจึงเปลี่ยนมาทำทุก 1-2 เดือน เพื่อป้องกันไม่ให้ฝ้าปรากฎชัดขึ้นมาอีก อย่างไรก็ตามการรักษาฝ้าด้วยวิธีนี้จะต้องมีค่าใช้จ่ายพอสมควรเช่นกัน ดังนั้นก่อนรักษาก็ลองปรึกษากับหมอที่ทำดูก่อน และประเมินตนเองว่ามีงบประมาณพอที่จะทำ IPL อย่างต่อเนื่องหรือไม่

ทำ IPL แล้วหายขาดหรือเปล่า

ถึงแม้ว่าการทำ IPL จะทำให้ฝ้าจางลงอย่างรวดเร็วและได้ผลดีมาก แต่ก็ไม่ทำให้หายขาด นั่นหมายความว่าหากคุณดูแลตัวเองไม่ดี โอกาสที่ฝ้าจะกลับมาเป็นอีกก็มีสูงมาก ดังนั้นควรดูแลตัวเองและปกป้องผิวหน้าของคุณจากแสงแดดควบคู่กันไปด้วย เพื่อป้องกันไม่ให้หน้าเป็นฝ้าอีกนั่นเอง

ข้อดีของการทำ IPL

การรักษาฝ้าสามารถทำได้หลายวิธี แต่ทำไมหลายคนจึงเลือกที่จะทำ IPL นั่นก็เพราะวิธีนี้เห็นผลเร็วมาก ที่สำคัญทำแล้วไม่เจ็บ ไม่ต้องทายาชา และสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติโดยไม่ต้องพักฟื้นหลังทำเสร็จ จึงไม่ส่งผลกระทบต่อการทำงานหรือการใช้ชีวิตประจำวันของคุณ สำหรับผลข้างเคียงก็น้อยมากเมื่อเทียบกับวิธีอื่น โดยอาจมีรอยแดงบริเวณที่ทำเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งจะหายเป็นปกติภายใน 1-2 ชั่วโมง จึงหมดกังวลไปได้เลย นอกจากนี้ก็ยังไม่เคยมีรายงานว่าคนที่ทำ IPL แล้วมีปัญหาตามมาแต่อย่างใด เพราะฉะนั้นหากคุณกำลังมองหาวิธีรักษาฝ้า ก็ลองใช้วิธีนี้กันดูสิ รับรองได้ผล

หน้าเป็นฝ้า

หน้าเป็นฝ้า รักษาได้ง่ายๆ ด้วยการทำ IPL ซึ่งใครมีปัญหาฝ้าก็ลองมาทำวิธีนี้กันดู แต่ถ้างบน้อย ก็ยังมีวิธีการรักษาฝ้าวิธีอื่นอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการใช้ยาทารักษาฝ้า การใช้สูตรรักษาฝ้าจากธรรชาติ หรือการลอกฝ้าด้วยกรด AHA ซึ่งคุณสามารถเลือกวิธีรักษาฝ้าได้ตามต้องการกันเลย

หน้าเป็นฝ้า

เราจะมีวิธีการป้องกันอย่างไร เพื่อไม่ให้ หน้าเป็นฝ้า

หน้าเป็นฝ้า เกิดจากอะไร แล้วเราจะป้องกัน ไม่เกิดขึ้นกับตัวเราได้อย่างไร

ฝ้าเป็นปัญหาผิวที่สร้างความรำคาญใจให้กับสาวๆเราได้มาก เพราะมันทำให้ผิวหน้าดูด่างดำ สีผิวไม่สม่ำเสมอ จะโชว์หน้าสดก็รู้สึกไม่มั่นใจ ต้องคอยโบกเมคอัพทับอยู่ตลอดเวลา พอแต่งหน้าบ่อยก็เจอปัญหาผิวพรรณอื่นๆตามมาอีก แต่ทุกปัญหาย่อมมีสาเหตุ หน้าเป็นฝ้า ก็เช่นกัน แต่จะดีกว่าหรือเปล่าหากเราป้องกันที่ต้นเหตุแทนที่จะมาคอยตามรักษากันทีหลัง ดังนั้นมาดูกันดีกว่าว่าเราสามารถป้องกันการเกิดฝ้าได้อย่างไรบ้าง

หน้าเป็นฝ้า

ฝ้า มีสาเหตุหลักมาจากกรรมพันธุ์และอายุ ยิ่งฮอร์โมนแปรปรวนมากเท่าไร ฝ้ายิ่งเกิดขึ้นได้ง่าย ยิ่งอายุมากขึ้นฝ้ายิ่งเกิดเยอะขึ้นเช่นกัน ดังนั้นจึงสังเกตได้ว่าใครที่ประจำเดือนมาไม่ปกติ สตรีตั้งครรภ์ ผู้ที่ทานยาคุมกำเนิด มักจะเป็นฝ้าได้ง่าย แต่ถ้าไม่มีปัจจัยข้างต้นที่กล่าวมาก ก็สามารถเริ่มเป็นฝ้าได้ตั้งแต่อายุ 30 ปีขึ้นไป แต่นอกจากปัจจัยดังกล่าวแล้วยังมีสาเหตุสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่ทำให้หน้าเป็นฝ้าได้คือ แสงแดด นั่นเอง ซึ่งแสงแดดนี้กระตุ้นให้คนเราเป็นฝ้าได้ในทุกช่วงอายุ ตั้งแต่เด็กเล็กๆไปจนถึงวัยชราเลย ที่เป็นอย่างนั้นก็เพราะว่าแสงแดดจะไปกระตุ้นให้ผิวหนังผลิตเซลล์เม็ดสีมากขึ้น ฝ้าจึงเกิดมากขึ้น หนาและเข้มขึ้นด้วย ส่วนใครที่แต่งหน้าบ่อยๆก็ต้องระวังเช่นเดียวกัน เพราะว่าถ้าใช้เครื่องสำอางที่ไม่อ่อนโยนก็ทำให้เป็นฝ้าได้ จากสาเหตุทั้งหมดที่กล่าวไปจึงทำให้ผู้หญิงมีอัตราการเป็นฝ้ามากกว่าผู้ชายถึง 70% เลยทีเดียว

 

ชนิดของฝ้า

ฝ้าแบ่งได้ 2 ประเภทคือ

  • ฝ้าตื้น (Superficial type) สีน้ำตาลค่อนข้างเข้ม เห็นขอบฝ้าได้ชัดเจน ขึ้นไว หายเร็ว สามารถรักษาให้หายได้โดยการใช้ยาทายาและครีมกันแดด
  • ฝ้าลึก (Deep type) สีน้ำตาลอ่อนอมม่วงหรือน้ำเงิน ขอบไม่ชัด รักษาให้หายขาดให้ยาก แต่ทำให้ดีขึ้นได้โดยการทายารักษาฝ้ากับครีมกันแดดเช่นเดียวกัน

การป้องกันไม่ให้เป็นฝ้า

ฝ้าบางชนิด เป็นปัญหาผิวพรรณที่รักษาได้ยาก ใช้เวลานาน หากใช้เทคโนโลยีมาการแพทย์มารักษาก็อาจจะเสียเงินมากมายกว่าจะดีขึ้น ดังนั้นการป้องกันจึงเป็นเรื่องที่ง่ายและดีกว่ามามาคอยตามรักษาทีหลัง สำหรับวิธีป้องกันการเกิดฝ้าทำได้ไม่ยากคือ

1.ทาครีมกันแดดทุกครั้งก่อนออกจากแสงแดด พยายามอย่าตากแดดจัดๆเป็นเวลานาน ถ้าเลี่ยงไม่ได้ให้สวมหมวก แว่นตาหรือกางร่มด้วย เพื่อลดโอกาสผิวถูกทำร้ายจากแสงแดด ส่วนฝ้าที่เกิดจากฮอร์โมนนั่นหลีกเลี่ยงได้ค่อนข้างยาก ฝ้าฮอร์โมนบางชนิดหายเองได้ก็มี เช่น ฝ้าจากการตั้งครรภ์ เมื่อคลอดแล้วฮอร์โมนกลับมาเป็นปกติ ฝ้าจะค่อยๆจางลงไปเอง เป็นต้น

2.หลีกเลี่ยงปัจจัยที่ทำให้เม็ดสีผิวถูกผลิตมากขึ้น เช่น ความเครียด การดื่มเหล้า การสูบบุหรี่ เป็นต้น เพราะปัจจัยเหล่านี้จะกระตุ้นให้เม็ดสีเมลามินผลิตมากขึ้น จนหน้าเป็นฝ้าได้

3.ดูแลตัวเอง ทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอพักผ่อนให้เพียงพอ การดูแลตัวเองจะช่วยให้สุขภาพร่างกายตัวเองแข็งแรงภายในสู่ภายนอก ผิวพรรณก็จะแข็งแรงขึ้นด้วย ทำให้เป็นฝ้าได้ยากมากขึ้น

หน้าเป็นฝ้า

ถึงแม้ปัจจัยในการเกิดฝ้าบางอย่างนั้นไม่สามารถควบคุมได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราไม่สามารถป้องกันได้เลย ดังนั้นพยายามดูแลผิวให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ อย่างน้อยฝ้าก็เกิดได้ยากมากขึ้นหรือหน้าเป็นฝ้าก็จะไม่รุนแรงนัก สามารถรักษาได้ง่ายกว่าค่ะ

หน้าเป็นฝ้า

หน้าเป็นฝ้า ทำไงดี อยากมีผิวหน้าสวยใส ห่างไกลฝ้า

หน้าเป็นฝ้า ทำไงถึงจะหาย ขอคำแนะนำหน่อย

หน้าสวยๆใสๆ ใครๆก็อยากมี คงไม่มีใครอยากมี หน้าเป็นฝ้า ดำด่างๆหรอกจริงไหม ที่สำคัญหากเป็นแล้วยังรักษาหายยากอีกด้วย ฝ้าจะมีลักษณะเป็นปื้นดำๆบนใบหน้า จะมีมากตรงช่วงหน้าผาก โหนกแก้มไปจนถึงบริเวณคางและริมฝีปาก โดยจะเกิดจากสาเหตุหลักๆคือ การมีฮอร์โมนที่แปรปรวน การทานยาคุมกำเนิด และการโดนแสงแดดในตอนกลางวันโดยไม่ได้ทาครีมกันแดดป้องกัน จึงทำให้ผิวหนังสร้างเม็ดสีขึ้นมามากเกินไป เป็นที่มาของฝ้าดำๆที่ปรากฏบนใบหน้าให้ได้เห็นกัน

หน้าเป็นฝ้า

การจะทำให้หน้าเป็นฝ้าจางลงหรือหายไปนั้น ทำได้ยากมาก มีเพียงการทาครีมกันแดดและบำรุงผิวหน้าเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นเพิ่มเท่านั้น หรือในกรณีที่ทานยาคุมอยู่อาจหยุดยาไปเลย จะทำให้ฝ้าดีขึ้น ในช่วงที่เป็นฝ้าอาจดูแลผิวหน้า ดังนี้

1.การใช้ยาสำหรับทาฝ้า ยาทาฝ้านี้เป็นยาที่จะต้องใช้ทาทุกวัน เพื่อลดความหนาของฝ้าให้จางลง แต่ไม่หายขาด เมื่อหยุดการใช้ยาจะทำให้กลับมาเป็นฝ้าดังเดิม ในช่วงการใช้ยาจะต้องระวังการโดนแสงแดดแรงๆ เพราะอาจทำให้นอกจากเป็นฝ้าแล้ว อาจเกิดจุดด่างขาวขึ้นด้วย

2.การลอกหน้า เป็นการลอกหน้าด้วยสารเคมีที่รักษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในเรื่องผิวหนัง โดยจะเร่งให้ผิวหนังมีการผลัดเซลล์ชั้นนอกออก ทำให้เม็ดสีที่ผลิตมามากเกินไปหลุดลอกไปด้วย

3.การทาครีมกันแดดหรือครีมสำหรับทาฝ้า ในท้องตลาดมีครีมสำหรับเรื่องฝ้าเยอะแยะมากให้เลือกใช้ โดยมีครีมสำหรับช่วยลดฝ้าและทำให้ฝ้าดูจางลง หรือครีมที่ป้องกันการเกิดฝ้า โดยผิวหน้าไม่สร้างเม็ดสีขึ้นมาอีก

หน้าเป็นฝ้า

 

และตอนนี้มีแบรนด์ครีมน่าสนใจมาแนะนำ จากแบรนด์ Jellys ซึ่งมีครีมถึงสองตัวให้เลือกใช้ นั้นก็คือ

เพียวเฟส บลูฟินทูน่าครีม โดยตัวครีมจะช่วยฟื้นฟูบำรุงผิวหน้า ทำให้ผิวหน้าผลัดเซลล์ผิวอย่างเป็นธรรมชาติ ช่วยลดเลือริ้วรอย จุดด่างดำและฝ้ากระได้ ด้วยสารสกัดจากธรรมชาติจึงเชื่อได้ว่าอ่อนโยน ไม่แพ้แน่นอน

เพียวเฟสซันสกรีนครีม มาพร้อมค่า SPF 50 PA +++ ที่ช่วยป้องกันฝ้าจากแสงแดดได้อย่างดีเยี่ยม ทำให้ผิวหน้าไม่สร้างเม็ดสีขึ้นมาอีก ด้วยความที่เป็นเนื้อครีมผสมรองพื้นทให้ช่วยปกปิดฝ้าให้แลดูจางลง ทำให้ใบหน้าดูสดใส ไม่หมองคล้ำ อีกทั้งยังมีสารบำรุงที่ช่วยบำรุงผิวหน้าไปในตัว และลดเลือนฝ้าให้ค่อยๆจางลงอย่างเป็นธรรมชาติ

หน้าเป็นฝ้า

ถ้าเรามีใบหน้าที่ดีอยู่แล้ว และไม่อยากให้หน้าเป็นฝ้า ก็ต้องหมั่นเอาใจใส่ดูแลผิวหน้า อย่าละเลย ต้องหมั่นทาครีมกันแดดและครีมบำรุงผิวหน้าก่อนออกไปข้างนอกทุกครั้ง เพื่อป้องกันปัญหาผิวที่จะตามมา เพียงเท่านี้เราก็จะมีใบหน้าที่สวยสดใสตลอดไป

หน้าเป็นฝ้า

6 วิธีการรักษา หน้าเป็นฝ้า ด้วยเทคนิคทางการแพทย์

หน้าเป็นฝ้า ใช่ไหม ไม่เป็นไร เครื่องมือทางการแพทย์ช่วยคุณได้

หน้าเป็นฝ้า เป็นอีกหนึ่งปัญหาที่สร้างความกลุ้มใจให้กับสาวๆไม่น้อย เพราะว่าเกิดกับผิวหน้าในบริเวณกว้าง สามารถมองเห็นได้ชัดแถมยังรักษาให้หายขาดได้ยากอีก แต่ด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ก้าวหน้ามากในปัจจุบันทำให้การรักษาหน้าเป็นฝ้าสามารถทำได้ไม่ยากเลย

1.การใช้กรดกำจัดฝ้า (Chemical peeling) เป็นวิธีการที่ใช้กรดมากระตุ้นให้กระบวนการผลัดเซลล์ผิวเร็วขึ้น ทำให้เซลล์ผิวใหม่กระจ่างใสกว่าเดิม โดยฝ้าจะจางลง กรดที่ใช้มีหลายชนิด เช่น TCA หรือ AHA เป็นต้นเป็นวิธีที่มีความปลอดภัยสูง ค่าใช้จ่ายไม่มาก แต่ผลลัพธ์ก็จะเห็นได้ช้าหน่อย ข้อควรระวังคือหลังจากลอกฝ้าด้วยกรดแล้ว ผิวจะไวต่อแสงมาก ดังนั้นไม่ควรทำบ่อยและต้องปกป้องผิวจากแสงแดดให้ดีหลังทำ

หน้าเป็นฝ้า

 

2.การทำไอออนโต (Iontophoresis) คือการใช้เครื่องมือที่มีกระแสไฟฟ้าแบบอ่อนๆมาช่วยผลักดันยาหรือสกินแคร์ให้ซึมซาบเข้าสู่ผิวมากขึ้น จะช่วยให้ยาออกฤทธิ์ได้ดียิ่งขึ้น โดยยาที่นิยมใช้มักจะมีคุณสมบัติเป็นกรดอ่อนๆที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวได้ เช่น กรดวิตามินซี กรดโคจิก อาร์บูติน เป็นต้น โดยมักจะมาในรูปแบบของเจล เพราะจะซึมเข้าสู่ผิวได้ง่าย วิธีนี้อาจทำให้รู้สึกระคายเคืองผิวอยู่บ้าง แต่ก็นับว่าได้ผลดี แค่ทำสัปดาห์ละ 1-2 ครั้งฝ้าก็จะดูจางลงแล้ว

หน้าเป็นฝ้า

 

3.การกรอผิวด้วยเกล็ดอัญมณี (Microdermabrasion) เป็นเครื่องมือที่จะกรอผิวหนังชั้นนอกออกไป จึงช่วยกำจัดฝ้าออกไปได้ด้วย แต่ต้องระวังในเรื่องระดับความแรงของเครื่องมือ เพราะจะทำให้ผิวเกิดระคายเคืองได้

หน้าเป็นฝ้า

 

4.IPL (Intense Pulsed Light) เป็นวิธีการที่ใช้แสงยิงลงไปที่ผิวหน้าบริเวณที่เป็นฝ้า ความร้อนจากแสงจะไปทำลายเม็ดสีเมลานิน ทำให้ฝ้าดูจางลง เป็นวิธีที่ไม่ทำให้รู้สึกเจ็บปวดหรือระคายเคืองเหมือนวิธีอื่น หลังทำอาจจะแค่เกิดรอยแดงเล็กๆน้อยๆเท่านั้นแต่ก็จะจางลงในเวลาไม่นาน การรักษาด้วยวิธีนี้ควรทำติดต่อกันเดือนละ 1-2 ครั้ง ช่วงแรกๆตรงบริเวณฝ้าจะตกสะเก็ดบ้าง แต่จะค่อยๆหลุดไปเอง

หน้าเป็นฝ้า

 

5.Fraxel เป็นวิธีการเลเซอร์แบบหนึ่งที่จะใช้คลื่นความร้อนยิงลงไปที่ผิว เพื่อกระตุ้นให้เซลล์ผิวเก่าถูกผลัดออกไปไวยิ่งขึ้น จึงทำให้บริเวณที่เป็นฝ้าจางลงตามไปด้วย เป็นอีกวิธีที่มีความปลอดภัย ได้ผลดีแต่ต้องระวังนิดหน่อยเพราะผิวจะบางและไวต่อแดดมาก

หน้าเป็นฝ้า

 

6.Yag เป็นเลเซอร์อีกวิธีหนึ่งที่ได้รับความนิยมมาก มีหลักการคล้ายกับการเลเซอร์แบบ Fraxel แต่เป็นผิวจะเป็นสะเก็ดน้อยกว่า บางคนอาจไม่มีสะเก็ดเลย อย่างไรก็ตามผิวก็ยังไวต่อแสงแดดมากอยู่ดี ดังนั้นจึงต้องทาครีมกันแดดไปตลอดการรักษา

หน้าเป็นฝ้า

จะเห็นได้ว่าวิธีการรักษาหน้าเป็นฝ้าด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์นั้นมีหลายวิธี ซึ่งก็สามารถเลือกได้ตามความเหมาะสม แต่อย่างไรก็ตามวิธีการรักษาที่ดีที่สุดคือ การป้องกันไม่ให้เป็นฝ้ามาตั้งแต่แรก ดังนั้นถ้าไม่อยากต้องมาเสียเงินมากมายให้กับการรักษาฝ้าก็ควรเริ่มดูแลผิวพรรณของตัวเองตั้งแต่วันนี้ค่ะ

หน้าเป็นฝ้า

หน้าเป็นฝ้าทำไงดี แจกวิธีรักษาฝ้าจากธรรมชาติ

หน้าเป็นฝ้า ไม่ต้องกังวลไป เรามีวิธีจัดการปัญหานี้มาฝากคุณ

ฝ้า เป็นอีกหนึ่งปัญหาของผิวพรรณที่สร้างความกลุ้มอกกลุ้มใจไม่น้อย เพราะว่ามันเห็นได้ชัดมาก และรักษานานมากกว่าจะหายขาด แต่ก็ใช่ว่าจะรักษาไม่ได้ เพียงแค่ต้องอดทนและให้เวลาหน่อยเท่านั้น ใครที่หน้าเป็นฝ้าละอยากกลับมาหน้าขาวใจ วันนี้เรานำวิธีรักษาฝ้าจากธรรมชาติมาแจกกันค่ะ

ฝ้า (Malasma) เกิดจากการที่เม็ดสีเมลามินถูกผลิตมากเกินไป ทำให้สีผิวบริเวณเข้มมากขึ้นจนเห็นได้ชัด ฝ้ามีความคล้ายคลึงกับ “กระ” มาก แตกต่างกันตรงฝ้านั้นมีขนาดใหญ่มากกว่าและสามารถขึ้นทั่วทุกที่บนใบหน้า ส่วนปัจจัยที่กระตุ้นทำให้เกิดฝ้านั้นมีหลายประการ เช่น แสงแดด ฮอร์โมน อายุ เครื่องสำอาง การทานยาบางชนิด เป็นต้น โดยคนเรามักจะเริ่มเป็นฝ้ากันเมื่ออายุได้ประมาณ 30 ปีขึ้นไป

 

วิธีรักษาฝ้าจากธรรมชาติ

มีวัตถุดิบมากมายจากธรรมชาติที่จะช่วยรักษาหน้าเป็นฝ้าให้ผิวกลับมากระจ่างใสขึ้นได้ หากต้องการรักษาด้วยตนเองก่อนหรือไม่อยากพึ่งพาสารเคมี สามารถลองวิธีดังต่อไปนี้ได้

1.หัวไชเท้า ล้างหัวไชเท้าให้สะอาด นำมาปอกเปลือกแล้วปั่นหยาบ อาจผสมกับน้ำผึ้งหรือนมสดก็ได้ จากนั้นนำมาพอกหน้าทิ้งไว้ 10-20 นาทีขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละคน อาจจะรู้สึกแสบยิบๆในขณะพอกเป็นเรื่องปกติ แต่ถ้าแสบมากเกินไปก็ไปล้างออกได้เลย ช่วงแรกแนะนำให้ทำวันเว้นวัน เมื่อฝ้าจางลงแล้วค่อยเว้นระยะห่างค่ะ สูตรนี้ใช้รักษาฝ้าได้ดีมาก แถมยังช่วยลดเลือนริ้วรอยได้ด้วย แต่ว่าคนที่ผิวแพ้ง่ายหรือผิวแห้งไม่ควรใช้สูตรนี้

หน้าเป็นฝ้า

 

2.แอปเปิ้ลไซเดอร์ คือน้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ล มีคุณสมบัติช่วยผลัดเซลล์ได้ดี ใช้แล้วช่วยให้ผิวนุ่ม กระจ่างใสและฝ้าจางลงได้ นำแอปเปิ้ลไซเดอร์มาผสมกับน้ำอุ่นเล็กน้อย ใช้สำลีชุบแล้วบิดแค่หมาด แล้วเอามาเช็ดวนบริเวณที่เป็นฝ้า 10-15 นาทีแล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด ควรทำแค่ 1-2 ครั้ง/สัปดาห์ก็พอเพราะมีความเป็นกรดค่อนข้างสูง

หน้าเป็นฝ้า

 

3.มะขาม เป็นสมุนไพรแบบไทยๆที่อุดมไปด้วยกรด AHA จากธรรมชาติ ช่วยขจัดเซลล์ผิวเก่า เผยผิวใหม่ที่เนียนใสมากขึ้น ช่วยให้รอยฝ้าแลดูจางลงได้ นำมะขามเปียกไปผสมกับน้ำให้พอข้นแล้วเอามาพอกบริเวณที่หน้าเป็นฝ้าทิ้งไป 5 นาทีแล้วล้างออก สามารถทำได้ 2-3 ครั้ง/สัปดาห์

หน้าเป็นฝ้า

เป็นอย่างไรกันบ้างกับวิธีรักษาฝ้าที่นำมาฝากกัน ทำตามไม่ยากเลยใช่ไหมล่ะ อย่างไรก็ตามการป้องกันย่อมดีกว่าการมานั่งรักษา ดังนั้นแนะนำให้ป้องกันไว้ก่อนโดยการทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไปทุกครั้งที่ต้องเผชิญกับแสงแดด ถ้าแดดแรงมาก็ทาวันละ 2 ครั้ง และพยายามหลีกเลี่ยงปัจจัยที่ทำให้หน้าเป็นฝ้า เช่น รังสีจากจอ ไอร้อนจากเตา เครื่องสำอางที่มีน้ำหอมเป็นส่วนผสม เพียงเท่านี้ก็มีผิวหน้าขาวใส ห่างไกลฝ้าแล้วค่ะ

หน้าเป็นฝ้า

หน้าเป็นฝ้า รักษาได้ด้วยวิธีธรรมชาติง่ายๆ ได้ผลจริง

เลือกใช้วิธีรักษา หน้าเป็นฝ้า ด้วยวัตถุดิบธรรมชาติใกล้ตัว ที่ราคาไม่แพง

หน้าเป็นฝ้า ปัญหาที่สาวๆ หลายคนมักจะเกิดความวิตกกังวลเป็นอย่างมาก เพราะเมื่อเป็นแล้วมักจะรักษาให้หายได้ยาก และยังทำให้ใบหน้าหมดสวยอีกด้วย ซึ่งวันนี้เราก็มีวิธีรักษาฝ้าแบบง่ายๆ ที่ทำแล้วได้ผลจริงมาแนะนำกัน โดยจะมีวิธีไหนบ้างนั้นไปดูกันเลย

1.รักษาฝ้าด้วยหัวไชเท้า

การรักษาฝ้าด้วยหัวไชเท้า ให้คุณนำมาปอกเปลือกก่อนแล้วบดแบบหยาบๆ จากนั้นนำมาพอกบริเวณที่เป็นฝ้าทิ้งไว้ 10 นาที เมื่อทำเป็นประจำสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง ก็จะทำให้ฝ้าค่อยๆ จางลง และเผยผิวที่ดูเรียบเนียนสม่ำเสมอมากกว่าเดิม ทั้งนี้อาจปิดท้ายด้วยการเช็ดหน้าด้วยโทนเนอร์สักนิดก็ได้ เพื่อทำความสะอาดผิวให้หมดจดและกระชับรูขุมขนไปในตัว

หน้าเป็นฝ้า

 

2.รักษาฝ้าด้วยไข่ขาว

ต้องบอกเลยว่าประโยชน์ด้านความงามของไข่ขาวนั้นมีมากมายจริงๆ นอกจากจะช่วยรักษาสิวและลดรอยดำจากสิวได้ดีแล้ว ก็สามารถนำมาใช้รักษาฝ้าได้อีกด้วย โดยให้นำไข่ขาวมาทาบริเวณที่เป็นฝ้าให้ทั่ว จากนั้นทิ้งไว้ 5 นาทีแล้วจึงล้างออก เพียงแค่นี้ก็จะแก้ปัญหาหน้าเป็นฝ้าได้อย่างง่ายดายที่สุด

หน้าเป็นฝ้า

 

3.รักษาฝ้าด้วยใบบัวบก

ใบบัวบกไม่ได้มีสรรพคุณแค่แก้ช้ำในเท่านั้น แต่ยังเป็นสมุนไพรชั้นดีที่นิยมนำมาใช้รักษาฝ้าอีกด้วย โดยให้นำใบบัวบกมาปั่นกับน้ำเล็กน้อย แล้วนำน้ำใบบัวบกที่ได้มาใช้แทนโทนเนอร์โดยเช็ดหน้าก่อนนอนเป็นประจำทุกวัน รับรองว่าฝ้าที่เคยหนาจนเห็นได้ชัดจะค่อยๆ จางลงจนแทบไม่เหลือร่องรอยอีกเลย

หน้าเป็นฝ้า

 

4.รักษาฝ้าด้วยว่านหางจระเข้

เคยใช้ว่านหางจระเข้รักษาฝ้ากันหรือยัง ต้องบอกเลยว่าได้ผลดีมาก โดยให้นำว่านหางจระเข้มาปอกเปลือกออกให้หมด แล้วนำเยื่อในที่ได้ไปปั่นจนละเอียด เสร็จแล้วให้นำมาพอกบริเวณที่เป็นฝ้าทิ้งไว้ 15 นาที ซึ่งวิธีนี้ให้ทำแค่สัปดาห์ละ 2 ครั้งเท่านั้นก็จะได้ผลลัพธ์ที่ดีแล้วล่ะ แต่ก่อนนำว่านหางจระเข้มาปอกเปลือกอย่าลืมแช่น้ำด้วย เพื่อให้ยางสีเหลืองๆ ไหลออกมาจนหมดก่อนนั่นเอง

หน้าเป็นฝ้า

การรักษาหน้าเป็นฝ้าไม่ยากอย่างที่คิดเลยใช่ไหม เพราะฉะนั้นหากคุณต้องการกำจัดฝ้าด้วยวิธีที่มีค่าใช้จ่ายน้อยที่สุด และสามารถทำได้ด้วยตัวเองก็ต้องลองวิธีเหล่านี้กันเลย ซึ่งอาจต้องใช้เวลาสักนิดแต่ผลลัพธ์ที่ได้ก็ถือว่าคุ้มค่ามากทีเดียว ส่วนใครที่ต้องการรักษาฝ้าให้หมดไปแบบเร่งด่วน ก็อาจใช้วิธีการลอกฝ้าด้วยกรด การยิงเลเซอร์ หรือฉีดเมโสรักษาฝ้าได้เหมือนกัน เพียงแต่จะมีค่าใช้จ่ายพอสมควรและต้องทำอย่างต่อเนื่องนั่นเอง

หน้าเป็นฝ้า

หน้าเป็นฝ้า จะรับมืออย่างไรได้บ้าง เพื่อไม่ให้ลุกลาม

หน้าเป็นฝ้า สิ่งที่ทุกคนไม่อยากให้เกิดขึ้นกลับตัวเอง

ฝ้า คำนี้ ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงวัยไหน ย่อมไม่อยากเจอ เพราะนอกจากจะเห็นได้ชัด และหลายๆ ครั้งการแต่งหน้าก็เอาไว้อยู่แล้ว ฝ้า ก็ยังเป็นสิ่งที่รักษาให้หายได้ยาก แต่พร้อมที่จะกลับมาอยู่บนหน้าเราได้เสมอ และถ้าหากคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังประสบภัยผิว หน้าเป็นฝ้า อยู่ล่ะก็เรามีสาระหน้ารู้เกี่ยวกับปัญหาผิว ประเภทนี้มาฝาก

ฝ้า เกิดขึ้นได้อย่างไร

สาเหตุของการเป็นฝ้า นั้นมีอยู่หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความผิดปกติของฮอร์โมน การตากแดดมากเกินไป แบบสะสม และที่สำคัญที่สุด ก็คือ เรื่องของอายุ และความเสี่ยงของเซลล์ผิว เมื่ออ่านถึงตรงนี้แล้ว เราจะพบว่ามีสาเหตุมากมายที่ทำให้เกิดฝ้า ขึ้นบนผิวหน้าของเรา บางชนิด สามารถรักษาให้หายได้ แต่หน้าเป็นฝ้บางประเภทเราทำได้เพียงแค่ทำให้มันจางลงเท่านั้น ไม่สามารถรักษาให้หายได้

หน้าเป็นฝ้า

 

ฝ้าอาจจะเป็นมะเร็งผิวได้หรือไม่

คำตอบคือ มีแนวโน้นที่จะเป็นมะเร็งผิวหนัง และไม่เป็น ขึ้นอยู่กับประเภทของฝ้าที่เกิดขึ้น ดังนั้น ทางเดียวที่เราจะรู้ก็ คือ การไปพบ และปรึกษาแพทย์ผิวหนังอย่างจริงจัง เมื่อพบว่าฝ้าบนผิวหน้ามีความผิดปกติ เช่น มีการขยายอาณาเขตที่เร็วเกินไป มีความรู้สึก เจ็บ แสบ คัน บริเวณที่เป็นฝ้า หรือพบว่ามีน้ำหนอง และเลือดไหลออกมาจากบริเวณดังกล่าว เพื่อที่แพทย์จะได้ทำการวินิจฉัยหาสาเหตุต่อไป

 

ฝ้ารักษาได้อย่างไร

เมื่อหน้าเป็นฝ้า อย่างแรกที่หลายคนคิดถึง ก็คือ จะทำอย่างไรให้รอยดำ หรือรอยแดงที่หน้านั้นหายไป ซึ่งการรักษาฝ้านั้น สามารถทำได้หลายวิธี ดังนี้

ใช้ธรรมชาติรักษา สำหรับสมุนไพรที่ช่วยให้ผิวหน้าของเรากระจ่างใสได้ในเวลาไม่นานนั้น มีอยู่อย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็น มันฝรั่ง มะเขือเทศ สับปะรด หอมแดง มะนาว และอื่นๆ อีกมากมาย แต่ก่อนที่จะนำเอาสมุนไพรเหล่านั้น มาขัด หรือพอกหน้า คุณอาจจะต้องทดสอบอาการแพ้ก่อน เพราะหากเกิดอาการแพ้ ทีนี้นอกจากฝ้า แล้ว ยังอาจจะต้องเจอกับภาวะผิวหน้าพัง จนรักษายากเกินไปอีก

การใช้ยา และพบแพทย์ผิวหนัง ในรายที่ หน้าเป็นฝ้า ที่เกิดจากฮอร์โมน หากไปพบแพทย์ อาจจะต้องมีการใช้ยาเพื่อปรับฮอร์โมน ควบคู่ไปกับการใช้เทคโนโลยีอย่างการทำเลเซอร์ การเร่งผลัดเซลล์ผิว เพื่อให้ผิวของเราสร้างเซลล์ใหม่ขึ้นมา

ใช้ครีม และเครื่องสำอาง นอกจากการแต่งหน้า เพื่อปกปิดรอยดำบนผิวแล้ว คุณอาจจะต้องมองหาสกินแคร์ที่มีความเหมาะสมในการช่วยรักษาจุดด่างดำบนผิวหน้า และช่วยให้ผิวหน้ากลับมากระจ่างใส ซึ่งวิธีการนี้อาจจะนานกว่า การจัดการกับฝ้าบนหน้าด้วยวิธีการอื่น แต่ก็เป็นวิธีการที่ถือว่าราคาถูกมากที่สุดเช่นเดียวกัน

หน้าเป็นฝ้า

การดูแลผิวไม่ให้หน้าเป็นฝ้านั้นดูเหมือนจะเป็นทางออกที่ดีกว่า เพราะการรักษาตามหลังนอกจากจะเสียเวลาแล้ว ยังอาจจะทำให้คุณต้องเสียเงินจำนวนมากอีกด้วย รู้แบบนี้แล้ว ควรทาครีมกันแดด และสกินแคร์ที่ป้องกันการเกิดฝ้าเป็นประจำ เพื่อรักษาผิวหน้าสวยๆ ใสๆ ไร้ริ้วรอย ให้อยู่กับคุณได้นานๆ

หน้าเป็นฝ้า

หน้าเป็นฝ้ามาดูกันว่าเกิดจากอะไร และจะแก้ฝ้าได้อย่างไรบ้าง

อย่าเพิ่งถอดใจ หน้าเป็นฝ้า แก้ไขได้ไม่ใช่เรื่องยากอะไร

ปัญหาหน้าเป็นฝ้ามักจะเกิดขึ้นเมื่อตัวเลขอายุค่อย ๆ เพิ่มขึ้น หลายคนถอดใจกับการแก้ปัญหาฝ้า เพราะการรักษาฝ้าไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องอาศัยระยะเวลา ซึ่งฝ้าเป็นความผิดปกติของผิวหนัง ที่มีการสร้างเม็ดสีผิวมากเกินไป (Hyperpigmentation)ในบริเวณใดบริเวณหนึ่ง ทำให้ผิวหน้าบริเวณนั้น เป็นปื้นสีน้ำตาลหรืออาจเป็นปื้นสีเทาก็ได้ ฝ้ามักเกิดขึ้นบนผิวหน้า โดยเฉพาะบริเวณหน้าผาก แก้ม สันจมูก รวมถึงผิวหนังเหนือริมฝีปากด้านบนนอกเหนือจากผิวหน้าแล้ว ฝ้าอาจเกิดขึ้นที่ผิวหนังส่วนอื่นก็ได้ เช่น บริเวณท้องแขน คอ หรือบริเวณไหล่ ฝ้ามักเกิดในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย โดยเฉพาะในผู้หญิงที่มีสีผิวคล้ำหรือกำลังตั้งครรภ์

หน้าเป็นฝ้า

สาเหตุที่ทำให้เกิดฝ้า

ถึงแม้ว่าสาเหตุที่แท้จริงของฝ้านั้น อาจยังไม่สามารถสรุปได้แน่นอน แต่ก็มีปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ ที่กระตุ้นให้เกิดความผิดปกติของเม็ดสีผิวได้ เช่น การโดนแสงแดดเป็นระยะเวลานาน การเปลี่ยนแปลงระดับฮอร์โมนในร่างกาย โดยเฉพาะในคนที่กำลังตั้งครรภ์ การใช้ยาคุมกำเนิด การรักษาด้วยฮอร์โมนทดแทน หรือแม้แต่การใช้เครื่องสำอางที่ก่อความระคายเคืองให้กับผิว

 

รักษาฝ้าด้วยยา

หน้าเป็นฝ้าสามารถรักษาได้ด้วยการใช้ยารักษาฝ้า ซึ่งมีอยู่ด้วยกันหลายขนาน การเลือกใช้ยาที่เหมาะสม ก็ควรอยู่ในดุลยพินิจของแพทย์ เพื่อประสิทธิภาพและความปลอดภัยของเราเอง

  • ไฮโดรควิโนน (Hydroquinone) ถึงแม้ว่าจะเป็นสารอันตราย แต่ถ้าการใช้ยาอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ ก็สามารถวางใจได้ ไฮโดรควิโนนจะยับยั้งการสร้างเม็ดสีเมลานิน ซึ่งเป็นการยับยั้งที่ต้นเหตุของฝ้า มีประสิทธิภาพดี และเห็นผลเร็ว
  • กรดวิตามินเอ (Retinols) เช่น เทรติโนอิน (Tretinoin) ความเข้มข้น 0.025 – 0.1% หรืออาดาพาลีน (Adapalene) 0.1 – 0.3% ตัวยากลุ่มนี้ จะช่วยให้ผิวผลัดเปลี่ยนได้เร็วขึ้น ทำให้ฝ้าค่อย ๆ จางหายไป
  • สารสเตียรอยด์ (Steroids) แพทย์บางท่านอาจใช้ครีมที่มีตัวยาสเตียรอยด์เพื่อใช้รักษาฝ้า เพื่อประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้น แพทย์อาจใช้สเตียรอยด์ร่วมกับกรดวิตามินเอและไฮโดรควิโนน
  • ยาทรานเนซามิกแอซิด (Tranexamic acid) ถึงแม้ว่าผลที่ได้ในการรักษาฝ้าอาจยังไม่แน่นอน แต่ก็เป็นตัวยารักษาฝ้าที่นิยมใช้กัน อาจใช้เป็นยาเดี่ยวหรืออาจใช้ร่วมกับการทำเลเซอร์ก็ได้ ตัวยามีทั้งรูปแบบยากิน ยาฉีด และยาทาภายนอก
  • ยาทาภายนอกอื่น ๆ รวมถึงเครื่องสำอางที่ช่วยทำให้ฝ้าค่อย ๆ จางหายไป เช่น ครีมที่มีส่วนผสมของกรดโกจิก (Kojic acid) อาร์บูติน (Arbutin) หรือกรดผลไม้ (AHA) เป็นต้น

แต่ในกรณีที่ปัญหาฝ้ารุนแรงมาก แพทย์อาจใช้การหัตการ เช่น การลอกผิวด้วยสารเคมี (Chemical Peel) การทำเลเซอร์ (Laser treatment) การทำ Dermabrasion หรือ Microdermabrasion จะทำวิธีใดก็ขึ้นกับลักษณะฝ้าที่เป็นและการตัดสินใจของแพทย์ร่วมกับผู้ป่วย

หน้าเป็นฝ้า

หน้าเป็นฝ้าถึงแม้จะไม่รู้สึกเจ็บปวดทางกาย แต่หลายคนก็รู้สึกเจ็บปวดทางใจ การแก้ปัญหาฝ้าสามารถทำได้หลายวิธี ทั้งการใช้ยาทาภายนอก การใช้ยากิน หรือการใช้หัตการโดยแพทย์ วิธีไหนจะเหมาะสมกับเรานั้น ก็ควรให้แพทย์ผิวหนังเป็นคนพิจารณาให้

หน้าเป็นฝ้า

หน้าเป็นฝ้าทำไงดี 4 เคล็ดลับรักษาฝ้าหายง่ายๆ

หน้าเป็นฝ้า มีวิธีไหนบ้างที่จะทำให้ฝ้าจางหายไป

หน้าเป็นฝ้า หนักมากทำยังไงดีนะ ไม่มีความมั่นใจเลยไม่อยากจะเจอหน้าใครเลย อาการเป็นฝ้านั้นมันมีหลายสาเหตุโดยเฉพาะคนที่โดนแสง โดนแดดบ่อย ๆ ส่วนวิธีการรักษาฝ้านั้นก็มีหลายแบบจะพึ่งคุณหมอ จะเลือกสารเคมี หรือจะเลือกสมุนไพรเราต่างเลือกเองได้ วันนี้มีวิธีการรักษาฝ้าแบบไม่ยากมาฝากให้ทำตาม เราสามารถรักษาฝ้าในแบบของเราเอง ซึ่งก็เป็นเทคนิคการดูแลตัวเองอย่างหนึ่งที่หลายคนมักจะละเลย หากคุณเผชิญกับฝ้าให้รักษาได้ตามวิธีดังต่อไปนี้

1.ทาครีมกันแดด

ครีมกันแดดสำคัญมากสำหรับผิวแม้ไม่ออกแดดยังจำเป็นจะต้องทา เพราะฝ้าอาจจะมาเพราะแสงไฟก็ได้ แดดแรงกันแดดยี่ห้อดีแค่ไหนก็อาจจะเอาไม่อยู่นักพกร่มไปด้วยสักหน่อยก็ดี และให้เลือกเป็นครีมกันแดดที่ดี ยี่ห้อที่มีความน่าเชื่อถือด้วย

หน้าเป็นฝ้า

2.ทาว่านหางจระเข้

กันแดดก็ทาแล้ว ครีมก็ทาแล้ว หามีเวลาก็มาทาว่านหางจระเข้เพิ่มด้วย โดยใช้ว่าน 1 ใบขนาดใหญ่ ๆ จากนั้นนำไปแช่ในน้ำประมาณ 10 นาที จากนั้นปอกเปลือกนำเนื้อไปล้าง เสร็จแล้วนำมาบดหรือปั่นให้ละเอียด ๆ แล้วเอาไปแช่ตู้เย็น แล้วนำมาพอกหน้าประมาณ 20 นาที อาทิตย์ละ 2 ครั้ง ช่วยให้หน้าเป็นฝ้าจางได้เร็วขึ้น

หน้าเป็นฝ้า

3.ทาไข่ขาวดิบ

ใครเคยใช้ไข่ขาวบ้างทำให้ผิวหน้าเต่งตึงได้ดีมากทีเดียว และนอกจากผิวดีแล้วไข่ขาวยังทำให้ฝ้าจางด้วย วิธีใช้ง่าย ๆ แค่เอาไข่มาแยกระหว่างไข่แดงกับขาวออก แล้วก็เอาไข่ขาวมาพอกหน้าเลย พอกทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที  ซึ่งมันจะทำการดูดซับรอยฝ้ารวมถึงสิ่งสกปรกต่าง ๆ จากนั้นก็เอาสำลีชุบน้ำมาเช็ดออกเบา ๆ แล้วก็ล้างหน้าด้วยโฟมปกติได้เลย พอกสัปดาห์ละ 2 ครั้งกำลังดี

หน้าเป็นฝ้า

4.พอกหน้าด้วยหัวไชเท้า

ไม่ใช่แค่ใช้ปรุงอาหารอร่อยแต่ยังช่วยแก้ปัญหาผิวได้อีกด้วย ลดสิว ลดฝ้า ทำให้ผิวเนียนขึ้น สำหรับวิธีใช้ก็คือเอาหัวไชเท้ามาทำความสะอาดปอกเปลือกให้เรียบร้อย จากนั้นก็เอามาพอกหน้าทิ้งไว้สัก 20 นาที จากนั้นก็ล้างออกเลย สามารถพอกได้สัปดาห์ละ 3 ครั้ง ทำให้รอยฝ้าจางไป

หน้าเป็นฝ้า

สำหรับคนที่กำลังมีหน้าเป็นฝ้าลองเลือกใช้สูตรการรักษาตามที่สะดวกเลย หรือถ้าไม่ชอบการใช้สมุนไพรหรือวิธีแบบธรรมชาติก็ลองหาครีมบำรุงผิวสักตัวที่มีความน่าเชื่อถือ มีคุณภาพ รีวิวเยอะ เป็นแบรนด์ที่ดีมีคนใช้และที่สำคัญจะต้องผ่านการรับรองมาตรฐานด้วย เพื่อให้ฝ้าหายและสุขภาพผิวหน้าดีขึ้น

หน้าเป็นฝ้า

บอกเคล็ดลับรักษา หน้าเป็นฝ้า อย่างไรให้ได้ผล

หน้าเป็นฝ้า นั้นมีสาเหตุ อยู่ด้วยกันหลายอย่าง

หน้าเป็นฝ้า กระ นั้นสามารถเกิดขึ้นได้ทุกคน โดยผู้ที่มีผิวขาวนั้นจะเกิดฝ้า กระได้ง่ายกว่าผู้ที่มีสีผิวเข้ม ถึงแม้ว่าการเกิดฝ้า กระนั้นไม่ได้ก่อให้เกิดความเจ็บปวดต่อร่างกายแต่อย่างใด แต่ก็เป็นปัญหาผิวที่กวนใจเนื่องจากทำให้สีผิวไม่สม่ำเสมอไม่เรียบเนียนเกิดความไม่มั่นใจ การรักษาจึงต้องดูที่ความปลอดภัยเป็นหลัก และอาจจะใช้ระยะเวลาสักหน่อย ฝ้า กระยังสามารถกลับมาเป็นซ้ำได้หากขาดการดูแลผิวที่ดีเพียงพอ

ลักษณะของหน้าเป็นฝ้า กระ จุดด่าง

กระ เป็นจุดเล็กๆ มีสีเข้มกว่าสีผิวปกติ อาจเป็นสีน้ำตาลอ่อนไปจนถึงน้ำตาลเข้ม ขึ้นกระจายบนใบหน้า กระ จะขึ้นได้ตั้งแต่ชั้นผิวหนังธรรมดาไปจนถึงชั้นผิวหนังชั้นลึกมีสีที่เข้มและนูนขึ้นจากผิวหนังมาก ขนาดขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆอาจทำให้เกิดอันตรายตามมาได้ ควรไปปรึกษาแพทย์โดยด่วนที่สุด

ฝ้า จะเป็นปื้นใหญ่ๆ มีสีที่เข้มกว่าสีผิวปกติของเรา ฝ้าถูกแบ่งเป็นสองชนิดคือ ชนิดตื้นจะอยู่ตรงชั้นหนังกำพร้า เม็ดสีน้ำตาลเข้มไปจนถึงเทาดำ และฝ้าชนิดลึก เม็ดสีที่เปลี่ยนจะอยู่ถึงชั้นหนังแท้ มีสีน้ำตาลอ่อน สีเทา หรือเทาอมฟ้า

หน้าเป็นฝ้า

การป้องกันไม่ให้เกิดฝ้า กระ

1.ทาครีมกันแดดเป็นประจำก่อนออกจากบ้านทุกครั้ง เพราะแสงแดดเป็นตัวการที่ทำเกิดฝ่า กระได้

2.เมื่ออยู่กลางแจ้งให้ทาครีมกันแดดเพิ่มขึ้นเป็นพิเศษ โดยเลือกค่า spf ที่สูงๆประมาณ 50 ขึ้นไป ควรจะพกร่มหรือใส่หมวกปีกกว้างไว้ด้วย

3.ถ้าหลีกเลี่ยงแสงแดดได้ควรหลีกเลี่ยง ช่วงที่แสงแดดแรงที่สุดจะอยู่ในช่วงเวลาตั้งแต่ 11-14 นาฬิกา

4.หลีกเลี่ยงการรับประทานยาที่มีผลกับฮอ์โมน เพราะสามารถกระตุ้นให้เกิดฝ้าได้ เช่น ยาคุมกำเนิด

5.หลีกเลี่ยงเครื่องสำอางที่ทำให้ผิวหนังระคายเคือง ควรทดสอบการแพ้ก่อนใช้เครื่องสำอาง

หากเป็นฝ้า กระ จะรักษาอย่างไร

เมื่อผิวหน้าสวยๆของคุณเริ่มมีฝ้ามาเยือน อย่าเพิ่งใจร้อนรีบซื้อคอร์สรักษาฝ้าแพงๆหรือซื้อครีมรักษาฝ้าที่มีขายอยู่ในท้องตลาดมาใช้ ควรเริ่มต้นรักษาฝ้าอย่างเป็นขั้นตอนด้วยวิธีการที่ถูกต้องเพื่อที่คุณจะได้ไม่ต้องทำร้ายผิวโดยไม่ได้ตั้งใจและรักษาฝ้าให้ได้ผลที่ที่สุดอย่างที่ต้องการ

 

1.พูดคุยกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังก่อน เพื่อวิเคราะห์หาสาเหตุที่แท้จริง ,ประเมินระดับความรุนแรงของฝ้า และแนวทางการรักษาที่เหมาะสม หากเป็นฝ้าที่ไม่ลึกมาก อาจใช้ยาทาหรือแนวทางการรักษาด้วยวิธีธรรมชาติ แต่หากเป็นฝ้าลึกมากอาจต้องใช้วิธีการทางการแพทย์เพื่อใช้ในการรักษาหน้าเป็นฝ้า

หน้าเป็นฝ้า

 

2.หยุดการรับประทานยาหรือเครื่องสำอางที่อาจเป็นสาเหตุของการเกิดฝ้า เช่น ยาคุมกำเนิดที่มีฮอร์โมนผสมทั้งเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนซึ่งกระตุ้นให้เกิดฝ้า ดังนั้นจึงอาจขอปรึกษาแพทย์เพื่อเปลี่ยนไปใช้ยาคุมกำเนิดชนิดอื่นแทนอย่าง ยาคุมกำเนิดที่มีฮอร์โมนเอสโตรเจนต่ำหรือยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนเดี่ยวแทน

หน้าเป็นฝ้า

 

3.สอบถามแพทย์ เพื่อปรึกษาเรื่องการใช้ครีมไฮโดรควิโนในการรักษาฝ้า เรารู้กันว่าไฮโดรควิโนนเข้มข้นอาจส่งผลข้างเคียงที่ไม่ดีต่อผิวแต่การใช้อย่างระมัดระวังในปริมาณพอเหมาะจะช่วยรักษาหน้าเป็นฝ้าได้ เนื่องจากไฮโดรควิโนนมีการทำงานโดยการปิดกั้นกระบวนการทางเคมีตามธรรมชาติของผิวในการสร้างเมลานิน ซึ่งหากปริมาณเมลานินลดลงฝ้าก็จะจางลงด้วย ดังนั้นหากไม่แน่ใจควรปรึกษาแพทย์เพื่อใช้ครีมไฮโดรควิโดนในการรักษา แพทย์จะสั่งไฮโดรควิโนนในความเข้มข้นไม่เกิน 4 % หากมากกว่านี้อาจทำให้ผิวถูกฟอกสีจนกลายเป็นผิวด่างได้

หน้าเป็นฝ้า

นอกจากนี้ยังสามารถใช้วิธีการอื่นๆในการรักษาฝ้าอย่างเช่น การลอกผิวด้วยกรดผลไม้โดยอาจใช้กรดผลไม้ที่มีความเข้มข้นสูงลอกเซลล์ผิวบริเวณที่เป็นฝ้าหรือใช้วิธีกรอผิวด้วยเกร็ดอัญมณีซึ่งทั้งหมดนี้เป็นวิธีการรักษาฝ้าที่ได้ผลดีแต่ต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของแพทย์และผู้เชี่ยวชาญโดยเคร่งครัด

ารรักษาหน้าเป้นฝ้าที่เห็นผลสูงสุด

1. รักษาโดยใช้ยาทา โดยยาส่วนใหญ่จะประกอบไปด้วย กรดวิตามินเอ ไฮโดรควิโนน ทรานีซามิก โดยกรดเหล่านี้มีฤทธ์ทำให้ผิวขาว และลดการอักเสบ แต่ควรใช้ในปริมาณที่น้อยหรืออยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์

2. การใช้สารเคมีลอกผิว เป็นวิธีที่เหมาะกับผู้ที่เป็นฝ้าลึก ใช้กรดครอโรอะซิตริกจะทำโดยแพทย์ผิวหนังเท่านั้น หลังการทำควรหลีกเลี่ยงแสงแดด

3. รักษาด้วยแสงเรเซอร์ IPL เป็นวิธีที่ทำให้ฝ้าจางลงได้อย่างรวดเร็ว และมีผลข้างเคียงน้อย ควรทำประจำทุกๆ 2 สัปดาห์ ติดต่อกัน 2-4 เดือน ขึ้นอยู่กับความลึกของฝ้า ถึงแม้จะเป็นวิธีรักษาหน้าเป็นฝ้าที่เห็นผลรวดเร็วแต่ก็มีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง และฝ้าอาจจะกลับมาได้อีกขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองของเราด้วย

4. การรับประทานอาหารเสริมที่มีส่วนผสมของ วิตามินซี วิตามินเอ และวิตามินอี เพื่อป้องกันไม่ให้ฝ้า กระ ลุกลาม และยังช่วยให้ผิวเรียบเนียน แข็งแรง ควรเลือกยี่ห้อที่น่าเชื่อถือ อ่านฉลากก่อนใช้ยาและปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด

5. ใช้สมุนไพร อย่างเช่น ว่านหางจระเข้ ปอกเปลือกล้างออกให้สะอาด นำไปบดหรือปั่น แล้วนำมาพอกหน้าประมาณ 15-20 นาที ทำเป็นประจำประมาณสัปดาห์ละ 2 ครั้ง ฝ้าจะค่อยๆจางลงและหายไวขึ้น สูตรไข่ขาว นำไข่ขาวมาทาบางๆบริเวณที่เป็นฝ้า ทิ้งไว้ 5-10 นาที รอยฝ้าและสิ่งสกปรกจะหมดไป

6. ใช้ครีมรักษาฝ้า เลือกครีมบำรุงที่มีส่วนผสมของ AHA, อาร์บูติน, วิตามินซี หรือครีมต่างๆที่มีคุณสมบัติในการรักษา ก็จะช่วยให้ฝ้าจางลงและผิวกระจ่างใสขึ้น แต่ควรเลือกครีมที่มีความน่าเชื่อถือปลอดภัย และไม่มีสารอันตราย

วิธีเลือกครีมรักษาฝ้าที่ได้ผลและปลอดภัย

1. อันดับแรกเลยต้องมีเลขจดแจ้ง อย. วัน-เดือน-ปี ที่ผลิต สถานที่ผลิตระบุอย่างชัดเจน
2. ระบุส่วนผสมในครีม
3. มีวิธีใช้ระบุอย่างชัดเจน
4. หลีกเลี่ยงครีมที่ผสมสารอันตราย
5. ทดสอบอาการแพ้ก่อนใช้ วิธีทดสอบคือนำครีมที่จะใช้มาทาบริเวณผิวที่บอบบาง อย่างหลังใบหูหรือท้องแขน ทิ้งไว้สัก 30 นาที หรือข้ามคืนเลยก็ได้ ถ้ามีอาการระคายเคือง มีรอยแดง ผื่นขึ้น ให้หลีกเลี่ยงการใช้ทันที

การใช้ครีมที่ช่วยลดเลือนฝ้า กระ ก็เป็นอีกตัวเลือกที่หน้าสนใจของคนหน้าเป็นฝ้า เพราะเป็นวิธีที่ง่าย สะดวก และปลอดภัย วิธีการเลือกครีมรักษาฝ้า กระ ควรเลือกครีมที่ปลอดภัย ไม่มีสารพิษ มีสารสกัดจากธรรมชาติ ซึ่งปัจจุบันมีให้เลือกมากมายหลายแบบ อย่างเช่น PURE FACE POWER UP SERUM ของ Jellys ที่นอกจากปรับผิวให้กระจ่างใสแล้ว ยังช่วยลดเลือน ฝ้า กระ จุดด่างดำ ริ้วรอยและรอยสิว รูขุมขนกระชับ เพราะมีส่วนผสมของรกม้า ที่กระตุ้นการผลัดเซลล์ผิว ลดรอยเหี่ยวย่น ทำให้ฝ้า กระ บนใบหน้าลดเลือนลงได้เมื่อใช้อย่างต่อเนื่อง

หน้าเป็นฝ้า

และมาร์คก่อนนอน PURE CREAM ช่วยฟื้นฟูผิวขณะนอนหลับ มาร์คตัวนี้มีสารสกัดจาก กรดผลไม้ AHA ที่เป็นกรดมีอยู่ในผลไม้ทั่วไป มีคุณสมบัติในการผลัดเซลล์ผิวผิวหน้าจะขาวใสช่วยรักษาหน้าเป็นฝ้า จุดด่างดำดูจางลง และสารสกัดจากวิตามินซี ที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระและลดเลือนริ้วรอย เป็นผลิตภัณฑ์ที่แนะนำเลยค่ะ เพราะเป็นสารสกัดจากธรรมชาติ ปลอดภัย และเห็นผลแน่นอน ที่สำคัญคือการดูแลตนเองค่ะ ก่อนออกจากบ้านควรทาครีมป้องกันแสงแดดทุกครั้ง และหลีกเลี่ยงการอยู่กลางแดดจ้าเป็นเวลานานๆ เพียงเท่านี้คุณก็จะมีผิวหน้าที่เรียบเนียนกระจ่างใส ปราศจากฝ้า กระ และจุดด่าง ได้แล้วค่ะ

 

บทความอื่นๆที่น่าสนใจ

หน้าเป็นฝ้าทำไงดี 4 เคล็ดลับรักษาฝ้าหายง่ายๆ

หน้าเป็นฝ้ามาดูกันว่าเกิดจากอะไร และจะแก้ฝ้าได้อย่างไรบ้าง

หน้าเป็นฝ้า รักษาได้ด้วยวิธีธรรมชาติง่ายๆ ได้ผลจริง

6 วิธีการรักษา หน้าเป็นฝ้า ด้วยเทคนิคทางการแพทย์