สครับขัดผิวขาว ยี่ห้อไหนดี

สครับขัดผิวขาว ยี่ห้อไหนดี ใช้แล้วดีต่อสุขภาพผิว

สครับขัดผิวขาว ยี่ห้อไหนดี ไม่ทำร้ายผิวใช้แล้วปลอดภัย

พูดถึงการดูแลผิวเชื่อว่าหลายคนทราบดีว่ามีขั้นตอนมากมายเพื่อคงความอ่อนเยาว์และขาวกระจ่างใสให้กับผิวพรรณ การสครับผิวก็เป็นหนึ่งในนั้นเพราะการสครับจะช่วยปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ ลดเลือนจุดด่างดำรวมไปถึงฝ้า กระต่างๆ อีกทั้งยังทำให้ผิวเรียบเนียนน่าสัมผัสอีกด้วย สครับขัดผิวนั้นสามารถทำเองได้ง่ายๆที่บ้าน แต่ถ้าใครไม่สะดวกจะซื้อมาใช้ก็ได้เช่นกัน ดังนั้นวันนี้นอกจากจะมาแนะนำว่าควรซื้อสครับขัดผิวขาว ยี่ห้อไหนดีแล้ว เรายังมีสูตรสครับธรรมชาติมาแจกกันอีกด้วยค่ะ 

    

สูตรสครับผิวจากธรรมชาติ

หากอยากลองสครับผิวแต่ไม่อยากซื้อสครับสำเร็จรูปมาใช้เพราะยังไม่มั่นใจในคุณภาพ เราสามารถหยิบจับวัตถุดิบใกล้ตัวมาทำสครับสูตรธรรมชาติได้ง่ายๆกัน ดังนี้

1.มะขามเปียก+น้ำผึ้ง+เกลือป่น สูตรนี้จัดเป็นสูตรยอดฮิต เพราะทำง่ายและให้ผลลัพธ์ที่ดีงาม วิธีการคือนำมะขามเปียกมาใส่น้ำเล็กน้อย ขยำให้ละลายแล้วนำเส้นมะขามออกไปจนหมด ผสมน้ำผึ้งและเกลือตามลงไปพอประมาณ คนให้เข้ากันจะได้สครับเหนียวข้นเล็กน้อย มะขามและเกลือป่นช่วยเร่งผลัดเซลล์ผิวได้เป็นอย่างดี ส่วนน้ำผึ้งช่วยบำรุงและลดการอักเสบของผิว

สครับขัดผิวขาว ยี่ห้อไหนดี

 

2.กากกาแฟ+น้ำผึ้ง สครับสูตรนี้ทำได้ง่ายมาก แค่เพียงนำส่วนผสมทั้งสองชนิดมาผสมเข้าด้วยกัน จากนั้นก็สครับผิวได้เลย กากกาแฟจะมีความละเอียดสูง ผลัดเซลล์ผิวได้ดีแต่ไม่บาดผิว ทั้งยังช่วยกระชับผิวและกำจัดเซลล์ลูไลต์ นอกจากนี้กลิ่นกาแฟนหอมๆยังช่วยเพิ่มความผ่อนคลายได้อีกด้วย

สครับขัดผิวขาว ยี่ห้อไหนดี

 

3.น้ำตาลทรายแดง+น้ำมันมะพร้าว นำน้ำตาลทรายแดงไปปั่นให้ผลึกมีความละเอียดมากขึ้น จากนั้นมาผสมกับน้ำมันมะพร้าว เมื่อผสมเสร็จให้รีบใช้ทันทีก่อนน้ำตาลจะละลาย สามารถใช้สครับได้ทั้งผิวหน้าและผิวกาย หากใครมีปัญหาปากแห้งแตกหรือลอกเป็นขุยอยู่เสมอ จะนำไปสครับริมฝีปากก็ได้เช่นเดียวกัน

สครับขัดผิวขาว ยี่ห้อไหนดี

อันที่จริงแล้วสูตรสครับธรรมชาติยังมีอีกมากมาย เพราะยังมีวัตถุดิบหลายชนิดที่ดีต่อผิวพรรณ เช่น แตงกวา มะเขือเทศ โยเกิร์ต นมสด ข้าวโอ๊ต มะละกอ มะนาว มะกรูด ขมิ้น มะหาด กล้วยหอมฯลฯ มีวัตถุดิบอะไรก็สามารถนำมาปรับสูตรกันได้ตามใจชอบ แล้วครับสัปดาห์ละ 1-2 ครั้งก็เพียงพอแล้ว

 

หากใครไม่สะดวกทำสครับด้วยตัวเองเพราะไม่ค่อยมีเวลาหรือไม่มีวัตถุดิบ ก็ควรไปหาซื้อสครับสำเร็จรูปมาใช้ แต่ว่าควรเลือกซื้อสครับผิวขาว ยี่ห้อไหนดี?

“Jellys Snail Candy Scrub” เป็นสครับผิวแบบ 2in1 คือเป็นทั้งสครับและมาส์กบำรุงผิวไปในตัว ตัวสครับมาในรูปแบบก้อน มีส่วนผสมสำคัญได้แก่ กลูต้าไธโอน เมือกหอยทาก น้ำตาลทราย อ้อย มะพร้าว กรดผลไม้และกลีเซอรีน สครับเป็นก้อนกลมเวลาใช้ต้องผสมน้ำเล็กน้อยแล้วถูจนยืดแล้วค่อยนำมาขัดถูตามร่างกาย สามารถใช้แทนผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดทั่วไปได้เลย สครับมีกลิ่นหอม ใช้สนุก หากสครับอย่างสม่ำเสมอ สีผิวจะสม่ำเสมอมากขึ้น ช่วยลดฝ้า กระ จุดด่างดำ ผิวเนียนนุ่มกระชับ ความมันลดลง ช่วยลดโอกาสที่จะเกิดสิว ผิวขาวสว่างกระจ่างใสขึ้น ดูเปล่งปลั่งและสุขภาพดี

สครับขัดผิวขาว ยี่ห้อไหนดี

หากไม่รู้จะเลือกสครับขัดผิวขาว ยี่ห้อไหนดีที่ใช้แล้วปลอดภัยและเห็นผลลัพธ์ความเปลี่ยนแปลงได้จริง Jellys Snail Candy Scrub คือทางออกที่ดี สครับมีกลิ่นหอมหวาน ขัดสะอาด ช่วยให้การอาบน้ำและสครับผิวกลายเป็นเรื่องที่สนุกมากขึ้น ที่สำคัญมาในปริมาณที่คุ้มค่ากับราคาที่ย่อมเยาอีกด้วย

ครีมบํารุงหน้าที่ดีที่สุด

แนวทางการเลือกครีมบํารุงหน้าที่ดีที่สุด สำหรับวัย 20+

เคล็ดลับการเลือกครีมบํารุงหน้าที่ดีที่สุดสำหรับวัยรุ่น

เมื่ออายุย่างเข้าเลขสอง ถึงแม้จะผ่านช่วงวัยรุ่นมาไม่นานและผิวยังคงมีความแข็งแรงดีอยู่ แต่การเลือกผลิตภัณฑ์บำรุงผิวให้เหมาะกับช่วงอายุก็เป็นสิ่งสำคัญ เพราะจะได้ช่วยคงความอ่อนเยาว์ให้ผิวไปได้นานๆนั่นเอง สำหรับคนวัย 20+ นี้ขอบอกเลยว่ามีครีมให้เลือกใช้มากมาย ซึ่งตัวเลือกที่เยอะมากนี่เองทำให้หลายคนเกิดอาการสับสนจนไม่รู้จะซื้อตัวไหนมาใช้กันดี ดังนั้นใครที่กำลังมองหาครีมบํารุงหน้าที่ดีที่สุดสำหรับคนวัยนี้กันอยู่ เรามีคำแนะนำมาฝากกันค่ะ

ครีมบํารุงหน้าที่ดีที่สุด

 

การเลือกครีมบํารุงหน้าที่ดีที่สุด สำหรับวัย 20+

ก่อนจะเลือกซื้อครีม อยากให้ลองมาทำความเข้าใจกับสภาพผิวของคนวัยนี้กันก่อน โดยทั่วไปเราทราบกันดีอยู่แล้วว่า ผิวจะเริ่มเปลี่ยนแปลงและซ่อมแซมตัวเองได้ช้าลงหลังอายุ 25 แต่ในวัยที่เพิ่งเข้าเลขสอง สภาพผิวจะไม่ต่างจากช่วงวัยรุ่นมากนัก ผิวพรรณยังเต่งตึง อ่อนนุ่มและซ่อมแซมตัวเองได้ดี ดังนั้นการบำรุงที่เหมาะสมสำหรับสำหรับคนวัยนี้จึงควรเป็นอยู่ในลักษณะรักษาความแข็งแรงให้ผิวมากกว่าแก้ปัญหา ซึ่งเบื้องต้นสามารถเลือกซื้อครีมบํารุงหน้าที่ดีที่สุดสำหรับวัย 20+ ได้ดังต่อไปนี้

1.เลือกให้เหมาะกับสภาพผิว ตรวจสอบสภาพผิวของตัวเองก่อนว่าเป็นอย่างไร เป็นคนผิวแห้ง ผิวมัน ผิวผสมหรือผิวแพ้ง่าย แล้วเลือกครีมบำรุงให้เหมาะสมกับสภาพผิว ซึ่งจะให้การบำรุงที่ตอบโจทย์มากที่สุด

2.ต้องรักษาความชุ่มชื่นให้ผิว ไม่ว่าจะมีสภาพผิวแบบใด แต่การรักษาความชุ่มชื่นให้กับผิวนั้นเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะเมื่อผิวอิ่มเอิบไม่แห้งกร้าน ผิวก็จะดูเปล่ง สุขภาพดี มีความยืดหยุ่นสูง เกิดริ้วรอยได้ช้าลง ช่วยชะลอความชราได้

3.ต้องพร้อมรับมือกับริ้วรอยและความหย่อนคล้อย เมื่อเข้าสู่อายุ 25 หลายๆคนอาจเริ่มประสบกับสารพัดปัญหาผิว เช่น ผิวแห้ง ผิวยืดหยุ่นน้อยลง หมองคล้ำหรือเริ่มปรากฏริ้วรอย เช่น รอยตีนตา รอยย่นตามข้างแก้มหรือบนหน้าผาก เป็นต้น ดังนั้นควรเตรียมผิวให้พร้อมต่อการรับมือกับปัญหา ครีมที่เลือกใช้จึงต้องมีส่วนผสมที่ช่วยแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้ เช่น เซราไมด์หรือคอลลาเจนสำหรับเพิ่มความชุ่มชื่น วิตามินซีสำหรับปรับสีผิว เรตินอลหรือวิตามินอีสำหรับลดเลือนริ้วรอยแห่งวัย เป็นต้น

ครีมบํารุงหน้าที่ดีที่สุด

ถึงแม้จะอายุแค่หลักสอง แต่ก็ต้องใส่ใจดูแลผิวพรรณไม่ต่างจากคนวัยอื่น เพราะยิ่งดูแลดี ผิวก็จะยิ่งแก่ช้าลง คงความอ่อนเยาว์ได้ยาวนานยิ่งขึ้น สำหรับคนวัยนี้หากกำลังมองหาครีมบํารุงหน้าที่ดีที่สุดอยู่ สามารถนำข้อมูลจากบทความนี้ไปประกอบการพิจารณาได้ จะช่วยให้เลือกซื้อผลิตภัณฑ์บำรุงผิวได้ง่ายมากขึ้นอย่างแน่นอน

สบู่ที่ทําให้ผิวขาว

ดูแลผิวให้กระจ่างใสได้ง่ายๆ เริ่มต้นที่สบู่ที่ทําให้ผิวขาว

หลักการเลือกสบู่ที่ทําให้ผิวขาว เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้

เมื่อพูดถึงวิธีการดูแลผิวพรรณให้ขาวกระจ่างใส หลายคนมักจะนึกถึงการทาครีม ทานอาหารเสริมหรือปรับผิวขาวด้วยเทคโนโลยีทางแพทย์อื่นๆ แต่อันที่จริงแล้วเราอาจมองข้ามขั้นตอนที่พื้นฐานที่สุดไปอย่างการอาบน้ำ เพราะเราสามารถเริ่มบำรุงผิวกันได้ตั้งแต่ขั้นตอนนี้เลย ปัจจุบันนี้มีสบู่ที่ทําให้ผิวขาววางจำหน่ายกันอยู่มากมาย สบู่ที่ช่วยทั้งทำความสะอาดและบำรุงผิวไปในตัว แต่ว่าไม่ใช่ทุกตัวที่ใช้ได้ผลและอาจโฆษณาเกินจริง แล้วควรเลือกใช้ยี่ห้อไหนดี มาดูกัน

สบู่ที่ทําให้ผิวขาว

 

แนวทางการเลือกสบู่ที่ทำให้ผิวขาว

ก่อนจะซื้อสบู่ผิวขาวมาให้แนะนำให้พิจารณาที่ส่วนผสมเป็นอันดับแรก โดยตรวจสอบว่ามีส่วนผสมที่ช่วยปรับสีผิวให้ขาวกระจ่างใสขึ้นหรือไม่ เช่น กลูต้าไธโอน อัลฟา-อาร์บูติน วิตามินบี3 เป็นต้น ซึ่งสารเหล่านี้มักมีคุณสมบัติที่คล้ายคลึงกันคือ ช่วยยับยั้งการผลิตเม็ดสี จึงช่วยลดเลือนจุดด่างดำ ปรับผิวที่หมองคล้ำให้กลับมาขาวกระจ่างใสมากขึ้น นอกจากส่วนผสมข้างต้นแล้ว ยังมีสารอีกชนิดหนึ่งที่ได้รับความนิยมนำมาใช้ในผลิตภัณฑ์เพื่อผิวขาว ซึ่งก็คือวิตามินซีนั่นแหละ แต่ว่าวิตามินซีไม่ได้มีคุณสมบัติยับยั้งผลิตเม็ดสีผิว แต่จะช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าออกไป เผยผิวใหม่ที่เรียบเนียนมากขึ้น ผิวเรียบลื่นกระจ่างใส สีผิวสม่ำเสมอ ผิวจึงดูหมองคล้ำน้อยลงนั่นเอง

นอกเหนือจากส่วนผสมที่ทำให้ผิวขาวแล้ว อย่าลืมพิจารณาสบู่ที่มีคุณสมบัติเพิ่มความชุ่มชื่นให้ผิวได้ด้วย เพราะสบู่บางยี่ห้อใช้แล้วอาจทำให้ผิวแห้ง เมื่อผิวแห้งก็จะไวต่อแดดและดำคล้ำได้ง่าย เพราะฉะนั้นจึงขอแนะให้เลือกสบู่ที่มีมอยเจอร์ไรซ์เซอร์ดีๆ เช่น วิตามินอี น้ำมันมะพร้าวหรือน้ำมันอื่นๆที่สกัดจากธรรมชาติ

สบู่ที่ทําให้ผิวขาว

และนี่ก็เป็นแนวทางการพิจารณาเบื้องต้นสำหรับผู้ที่กำลังมองหาสบู่ที่ทําให้ขาวอยู่ ใครอยากซื้อมาใช้สามารถไปเลือกซื้อกันได้เลย แต่ก่อนจะจากกันไปขอฝากเอาไว้ว่าผลิตภัณฑ์เพื่อผิวขาวทุกประเภทไม่ว่าจะเป็นสบู่ สกินแคร์หรืออาหารเสริมใดๆ สิ่งที่สำคัญที่ไม่อาจมองข้ามได้คือความปลอดภัย ดังนั้นจะซื้อผลิตภัณฑ์ใดมาใช้อย่าลืมตรวจสอบข้อมูลกันอย่างละเอียด เพราะความสวยกับความปลอดภัยต้องมาคู่กันเสมอ

โลชั่นยี่ห้อไหนดี

โลชั่นยี่ห้อไหนดี แก้ปัญหาผิวหมองคล้ำได้อย่างตรงจุด

อยากมีผิวขาวกระจ่างใส เลือกใช้โลชั่นยี่ห้อไหนดี

การมีผิวเรียบเนียน สีผิวสวยสม่ำเสมอเป็นสิ่งที่ใครก็อยากได้ แต่ว่านั่นไม่ใช่สิ่งที่จะได้มาง่ายๆหากปราศจากการดูแลที่เหมาะสม อีกทั้งประเทศไทยยังเป็นเมืองร้อน ผิวจึงหมองคล้ำง่ายลงไปอีก ดังนั้นหากอยากมีผิวสวยๆ จึงต้องใส่ใจดูแลมากเป็นพิเศษ แต่ควรจะต้องทำอะไรบ้าง หากต้องใช้โลชั่นควรใช้โลชั่นยี่ห้อไหนดี มาหาคำตอบกันได้ที่นี่

 

ผิวหมองคล้ำ สาเหตุ

ปัญหาผิวหมองคล้ำเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย แต่โดยมากแล้วจะเป็นปัจจัยภายนอก เช่น

1.แสงแดด นับเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ผิวหมองคล้ำ เพราะในแสงแดดมีรังสียูวี 2 ชนิดที่สามารถทำร้ายได้ผิวชั้นนอกและชั้นใน เมื่อตากแดดผิวหนังจะสร้างเม็ดสีเมลานินขึ้นมาเพื่อไม่ให้แสงแดดทำร้ายผิว แม้จะทำให้ผิวหมองคล้ำลง แต่นั่นนับเป็นอีกหนึ่งกลไกสำหรับปกป้องร่างกาย

2.มลภาวะ เช่น สารเคมี ฝุ่น ควันจากท่อไอเสีย เป็นต้น มลภาวะเหล่านี้หากตกค้างบนผิวหนัง จะทำให้ผิวแห้งเสียและหมองคล้ำลงได้เช่นเดียวกัน

3.สภาพอากาศ หากอากาศแห้ง ผิวจะสูญเสียความชุ่มชื้นได้ง่ายและเมื่อผิวแห้งบ่อยๆ ผิวจะดูโทรม หมองคล้ำไม่สดใส ยิ่งถ้าต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมที่อากาศทั้งแห้งและเย็น เช่น การนั่งทำงานในห้องปรับอากาศ ผิวจะยิ่งถูกทำร้ายได้ง่ายกว่าเดิม

4.สารเสพติด มักเต็มไปด้วยสารพิษมากมาย ซึ่งสารเหล่านี้เมื่อเข้าสู่ร่างกายก็จะแพร่กระจายไปตามหลอดเลือด หลังจากนั้นก็จะเริ่มทำลายเซลล์และเนื้อเยื่อทั่วทั้งร่างกายรวมทั้งเซลล์ผิวหนังด้วย

5.ปัจจัยอื่นๆ เช่น การลดน้ำหนักอย่างรวดเร็ว ความเครียด ดื่มน้ำน้อย นอนไม่พอฯลฯ ปัจจัยเหล่านี้ก็ส่งผลกระทบต่อผิวหรรณเช่นเดียวกัน

โลชั่นยี่ห้อไหนดี

 

ผิวหมองคล้ำ การดูแล

การฟื้นฟูผิวหมองคล้ำนั้นทำได้ไม่ยาก เพียงแต่ต้องทำอย่างสม่ำเสมอเท่านั้นเอง ก่อนอื่นต้องเริ่มจากหลีกเลี่ยงปัจจัยที่ทำให้ผิวหมองคล้ำ เช่น ทาครีมกันแดดเป็นประจำ พยายามหลบแดดที่แรงเกินไป ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว พักผ่อนให้เพียงพอ งดเว้นการเสพสิ่งเสพติดทุกประเภท พยายามทำจิตใจให้แจ่มใส ไม่เครียด ที่สำคัญอย่าลืมทาโลชั่นอย่างสม่ำเสมอเพื่อบำรุงและปกป้องผิวไม่ให้ถูกทำร้าย ว่าแต่ควรใช้โลชั่นยี่ห้อไหนดี จึงจะได้รับทั้งการบำรุงและปกป้องไปพร้อมกัน?

โลชั่นยี่ห้อไหนดี

สำหรับคำถามที่ว่าควรใช้โลชั่นยี่ห้อไหนดี อยากให้ทุกคนมาลองเปิดใจไปกับ “Pure Lotion” สุดยอดโลชั่นที่อัดแน่นไปด้วยอาหารผิวมากมาย ช่วยบำรุงและฟื้นฟูผิวให้กลับมาแข็งแรง สว่างกระจ่างใส ทั้งยังมาพร้อมกับสารกันแดด sfp60 ความเข้มข้นจัดเต็มขนาดนี้ จะทำกิจกรรมหนักแค่ไหนหรือตากแดดแรงมากเพียงใดก็ไม่หวั่น รับรองว่าเอาอยู่ทุกสถานการณ์แน่นอน

คอลลาเจนญี่ปุ่นตัวไหนดี

คอลลาเจนได้จากอาหารชนิดใด และมีประโยชน์ยังไง

แนะนำอาหารที่ช่วยเสริมสร้างคอลลาเจนในร่ายกาย เพื่อให้ผิวดูเต่งตึง ดูเรียบเนียน

คอลลาเจนเป็นโปรตีนชนิดหนึ่งที่ร่างกายสามารถสร้างขึ้นเองได้ตามธรรมชาติ แต่อย่างไรก็ตามเมื่ออายุของเราเพิ่มมากขึ้น ร่างกายก็จะผลิตคอลลาเจนได้น้อยลง ทำให้ผิวหนังเหี่ยวย่น ไม่กระชับเต่งตึงเหมือนเมื่อก่อน เราจึงต้องสรรหาอาหารเสริมคอลลาเจนญี่ปุ่น ตัวไหนดีมารับประทาน รวมทั้งอาหารตามหลักโภชนาการทั่วไป ที่จะมาช่วยทำให้ร่างกายได้รับคอลลาเจนเพิ่มขึ้น จะมีอะไรบ้างนั้น ไปอ่านกันเลยค่ะ

 

อาหารที่ช่วยในการเสริมสร้างคอลลาเจน

1.ปลาทะเล ในปลาทะเลน้ำลึก เช่น ปลาแซลมอน ปลาทูน่า ปลาทูหรือปลาแมคเคอเรลนั้น อุดมไปด้วยกรดไขมันโอเมก้า 3 ที่มีส่วนสำคัญในกระบวนการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิวหนัง และยังมีโปรตีนที่เข้าไปช่วยซ่อมแซมส่วนต่าง ๆ ที่สึกหรออีกด้วย

2.ไข่ ไข่คือศูนย์รวมของสารอาหารชนิดต่าง ๆ ไว้ด้วยกัน โดยเฉพาะในไข่แดงที่มีทั้งโปรตีน แร่ธาตุ วิตามินที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย และยังมีคอลลาเจนจากธรรมชาติที่ช่วยเสริมสร้างผิวหนังให้แข็งแรง ไม่หย่อนคล้อยได้ง่าย

3.ถั่วและธัญพืช ถั่วและธัญพืชอุดมไปด้วยสังกะสีและกรดไฮยาลูโรนิก ซึ่งมีส่วนช่วยในการเร่งผลิตคอลลาเจน และกระตุ้นกระบวนการสร้างเซลล์ผิวหนังในชั้นเนื้อเยื่อ ทำให้ผิวเต่งตึง กระชับ มีความยืดหยุ่น นอกจากนั้นยังป้องกันการเกิดสิวและริ้วรอยอีกด้วย

คอลลาเจนญี่ปุ่นตัวไหนดี

4.ผักใบเขียว นอกจากคลอโรฟิลล์ที่อยู่ในผักใบเขียว ซึ่งมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยชะลอการเสื่อมสภาพของเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกายแล้ว ผักใบเขียวยังมีคอลลาเจนที่จำเป็นต่อการเสริมสร้างเนื้อเยื่อให้แข็งแรง ยืดหยุ่น และกระชับ

5.อะโวคาโด เป็นอีกหนึ่งอย่างที่อุดมด้วยวิตามิน แร่ธาตุ และสารอาหารครบครัน ช่วยบำรุงผิวให้เนียนนุ่มชุ่มชื้น ต่อต้านสิวและริ้วรอย ทั้งยังมีกรดไขมันโอเมก้า 3 ที่จำเป็นต่อการสร้างคอลลาเจนอีกด้วย

6.ดาร์กช็อคโกแลต ดาร์กช็อคโกแลตที่มีรสขมและปราศจากน้ำตาลนั้น มีประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย นอกจากจะช่วยทำให้อารมณ์ดีและผ่อนคลายแล้ว ยังมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ซึ่งช่วยส่งเสริมในการสร้างคอลลาเจนอีกด้วย

7.แตงกวา นอกจากแตงกวาจะเป็นตัวช่วยบำรุงผิวชั้นดีแล้ว โดยสามารถลดรอยดำ รอยแดงจากสิว ให้ผิวมีความชุ่มชื้น ลดการอุดตันในรูขุมขน แตงกวายังมีธาตุกำมะถันที่มีส่วนในการสร้างและผลิตคอลลาเจนในร่างกาย

8.แครอท นอกจากแครอทจะอุดมไปด้วยวิตามินเอแล้ว ยังมีส่วนในการควบคุมการไหลเวียนโลหิตในร่างกาย ซึ่งมีหน้าที่ป้องกันการสลายตัวของเส้นใยอีลาสตินและคอลลาเจนในร่างกาย

9.กะหล่ำปลี เป็นผักอีกชนิดหนึ่งที่เป็นแหล่งรวมของสารอาหาร โดยมีวิตามินบี โฟเลท ธาตุเหล็ก โพแทสเซียม แมกนีเซียม ฟอสฟอรัส แคลเซียม แมงกานีสแล้ว ยังมีลูตินซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีส่วนในการสร้างคอลลาเจนอีกด้วย

10.วิตามินซี ผักผลไม้ที่มีวิตามินสูง ซึ่งได้แก่ ส้ม มะนาว มะเขือเทศ ฝรั่งนั้น มีส่วนช่วยในการส่งเสริมการสร้างคอลลาเจน ทั้งยังช่วยปกป้องผิวจากแสงแดด ปรับสีผิวให้กระจ่างใสขึ้น และยังช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกายอีกด้วย

กล่าวถึงอาหารที่ช่วยในการเสริมสร้างคอลลาเจนกันไปแล้ว เชื่อว่าคงจะหามารับประทานกันไม่ยากเกินไปนะคะ แต่ถ้าไม่สะดวกเราก็มีคอลลาเจน ยี่ห้อไหนดีที่สุดมาแนะนำกันท้ายบทความค่ะ ทีนี้เรามาดูกันก่อนดีกว่าว่าคอลลาเจนมีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างไรบ้าง

 

ประโยชน์ของคอลลาเจน

  1. ทำให้ผิวหนัง เล็บ และเส้นผมแข็งแรง มีสุขภาพดี
  2. ทำให้ผิวชุ่มชื่น และป้องกันการสูญเสียน้ำ
  3. ลดเลือดริ้วรอย ทำให้ผิวหนังเต่งตึง กระชับขึ้น
  4. ลดการเกิดจุดด่างดำ ฝ้า กระตามผิวหนัง
  5. ช่วยรักษาและลดการอับเสบของสิว
  6. ช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอในร่างกาย
  7. ช่วยบำรุงและฟื้นฟูข้อต่อกระดูก
  8. ลดกระบวนการสลายตัวของแคลเซียม
  9. กระตุ้นการไหลเวียนของโลหิตในร่างกาย

เรียกได้ว่าประโยชน์ของคอลลาเจนที่มีต่อร่างกายนั้นมีมากมายทีเดียวค่ะ ซึ่งสำหรับใครที่ไม่มีเวลาเตรียมหรือกำลังมองหาว่าคอลลาเจนญี่ปุ่นตัวไหนดี เราขอแนะนำเป็นของแบรนด์ JELLYS ยากุรุโตะ คอลลาเจน เป็นคอลลาเจนที่นำเข้าโดยตรงมาจากญี่ปุ่นแท้ 100% ที่จะมาช่วยปกป้องผิวจากรังสียูวี ให้ผิวขาวกระจ่างใสขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ พร้อมเพิ่มความเรียบเนียน เต่งตึง กระชับ เติมร่องลึก ลดเลือนริ้วรอยไปในตัว นอกจากนั้นยังมีส่วนผสมจากนมเปรี้ยวและโยเกิร์ต ช่วยให้การดูดซึมสารอาหารมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และส่งเสริมระบบการย่อยอาหาร รวมทั้งการขับถ่ายอีกด้วย

คอลลาเจนญี่ปุ่นตัวไหนดี

ที่สำคัญยังมีสารสกัดอะเซโรล่าเชอร์รี่และส้มสีแดง ที่อุดมด้วยวิตามินซีจากธรรมชาติ ช่วยให้ผิวดูเปล่งปลั่ง สดใส สุขภาพดี ปกป้องผิวจากแสงแดด ชะลอการเกิดริ้วรอย ทั้งยังช่วยในการเสริมสร้างคอลลาเจนและทำให้ภูมิคุ้มกันของร่างกายให้แข็งแรงขึ้น เท่านั้นยังไม่พอเรายังมีโคเอนไซม์ คิวเท็น ที่มีความจำเป็นต่อกระบวนการทำงานต่าง ๆ ของร่างกาย ทั้งยังมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยชะลอและยับยั้งการเกิดริ้วรอย และยังมีสารอาหารอื่น ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายและผิวอีกหลายตัว เรียกได้ว่าได้ทั้งผิวสวยและสุภาพที่ดีไปในคราวเดียวกันเลยค่ะ

เซรั่มลดรอยสิวจุดด่างดำ

ความแตกต่างระหว่างครีมกับเซรั่มลดรอยสิวจุดด่างดำ

แนวทางการรักษารอยแผลและจุดด่างดำเป็นจากสิว

เชื่อว่าหลายคนน่าจะเข้าใจดีว่าปัญหารอยแผลเป็นจากสิวนั้นรบกวนจิตใจมากพอสมควร ถึงแม้จะไม่เจ็บปวดเหมือนตอนเป็นสิว แต่รอยด่างดำที่สิวตัวร้ายทิ้งเอาไว้ก็ส่งผลต่อความมั่นใจในการใช้ชีวิต แต่ถ้าไม่อยากกังวลกับรอยสิวอีกต่อไป เซรั่มลดรอยสิวจุดด่างดำสามารถช่วยทุกคนได้ แต่ว่าทำไมต้องเซรั่ม? แล้วต้องดูแลรักษาผิวหน้าอย่างไร รอยสิวจึงจะหายไว มาหาคำตอบกัน

 

เซรั่มต่างจากครีมอย่างไร

สกินแคร์บำรุงผิวหน้านั้นมีเนื้อผลิตภัณฑ์หลายลักษณะ เช่น ครีม เจล เซรั่ม เป็นต้น ซึ่งเนื้อแต่ละแบบจะมีความแตกต่างกันตั้งแต่กระบวนการผลิตจนไปถึงคุณสมบัติและความยากง่ายและการซึมซาบ สกินแคร์เนื้อครีมนั้นเกิดจากการผสมน้ำเข้ากับน้ำมัน ทำให้ครีมมีความเหนียวโดยจะเหนียวมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับสัดส่วนของน้ำมัน ผลคือครีมจะซึมซาบได้ช้าและซึมได้เฉพาะผิวชั้นนอกเท่านั้น แต่ว่าความโดดเด่นจะอยู่ตรงที่การให้ความชุ่มชื่นแก่ผิว จึงเหมาะมากสำหรับผู้ที่มีผิวแห้งและผิวธรรมดา แต่อาจไม่เหมาะกับคนผิวมันมากนัก เพราะจะง่ายต่อการอุดตันและทำให้ผิวมันกว่าเดิมได้

เซรั่มลดรอยสิวจุดด่างดำ

ส่วนเซรั่มจะมีเนื้อที่บางเบาคล้ายน้ำ อุดมไปด้วยสารอาหารผิวที่เข้มข้นและมีโมเลกุลขนาดเล็ก ทำให้ซึมซาบได้ง่ายและรวดเร็วกว่า สามารถซึมลึกเข้าไปบำรุงถึงชั้นโครงสร้างผิว นอกจากนี้เซรั่มยังมีประสิทธิภาพการบำรุงสูงและเร็วกว่าครีม เพราะฉะนั้นใช้แล้วจะเห็นผลเร็วกว่าใช้ครีมเพียงอย่างเดียว

 

แนวทางการรักษารอยสิวจุดด่างดำ

สิวเป็นปัญหาที่สร้างความกังวลใจให้กับทุกคน เพราะในบางครั้งถึงแม้จะรักษาจนหายแล้วแต่สิวก็ยังทิ้งรอยแผลเป็นเอาไว้ให้ดูแล้วช้ำใจเล่น ซึ่งบางคนมีรอยสิวเยอะก็ต้องคอยแต่งหน้าหนาๆเพื่อปกปิด ผลคืออาจะทำให้เป็นสิวซ้ำอีกแล้วก็ทิ้งรอยอีกวนเวียนซ้ำเรื่อย จะเปลือยหน้าสดออกจากบ้านบ้างก็ไม่กล้า อยากจะบอกว่ารอยสิวโดยเฉพาะรอยดำรอยแดง(ไม่ใช่รอยหลุมสิว)นั้นสามารถรักษาได้ไม่ยาก เพียงแต่ต้องมีวินัยและความอดทนเท่านั้น

ใครที่ประสบกับปัญหารอยสิวจุดด่างดำ ก่อนอื่นแนะนำให้สครับหน้าด้วยสครับสูตรอ่อนโยนสัปดาห์ละ 1 ครั้งเพื่อเร่งการผลัดเซลล์ผิว แล้วใช้เซรั่มลดรอยสิวจุดด่างดำโดยเฉพาะเป็นประจำทุกวัน ที่ต้องเป็นเซรั่มเพราะจะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องรูขุมขนอุดตัน เซรั่มที่ใช้จะต้องมีคุณสมบัติช่วยผลัดเซลล์ผิวและบำรุงผิวไปด้วยในตัว จะช่วยให้รอยแผลเป็นจากสิวจางเร็วขึ้น ส่วนที่เหลือบำรุงผิวด้วยสกินแคร์ตามปกติและอย่าลืมทาครีมกันแดดเป็นประจำ สำหรับเรื่องการแต่งหน้า หากเป็นไปได้ควรหลีกเลี่ยงไปก่อน แต่ถ้าเลี่ยงไม่ได้จริงๆ ต้องเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนและอุดตันผิวน้อยที่สุด เมื่อถึงเวลาต้องพักผิวก็ต้องล้างหน้าให้สะอาดหมดจดเพื่อเตรียมผิวให้พร้อมรับกับการบำรุงในครั้งต่อไป หากปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอ รับรองว่าปัญหานี้จะดีขึ้นอย่างแน่นอน

เซรั่มลดรอยสิวจุดด่างดำ

อันที่จริงแล้วการรักษารอยแผลเป็นจากสิวนั้นไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแต่ต้องต้องปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอเท่านั้นเอง ใครที่อยากได้ตัวช่วยดีในการช่วยลดเลือนรอยแผลเป็นก็อย่าลืมไปซื้อเซรั่มลดรอยสิวจุดด่างดำมาใช้กันดูได้ แต่สำหรับใครที่รอยแผลเป็นมีลักษณะเป็นหลุมลึกไม่ใช่แค่รอยดำรอยแดง การรักษาด้วยวิธีธรรมชาติอาจไม่ได้ผลเท่าใดนัก แนะนำให้ไปพบแพทย์ผิวหนังจะได้รับการรักษาที่ตอบโจทย์มากกว่า

สบู่ที่ทําให้ขาว

สบู่ที่ทําให้ขาวใช้ได้ผลจริงหรือไม่ เรามีคำตอบมาให้คุณ

ถ้าอยากผิวขาวอย่างปลอดภัย เลือกสบู่ที่มาจากธรรมชาติ ปราศจากสารอันตราย

ปัจจุบันนี้วิธีการดูแลผิวพรรณให้ขาวใสมากขึ้นนั้นมีอยู่มากมาย มีตั้งแต่การบำรุงผิวธรรมดาไปจนถึงการใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์ สบู่ที่ทําให้ขาวก็เป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่พบเห็นกันได้อยู่บ่อยๆ ซึ่งหลายคนอาจจะสงสัยว่าแค่ฟอกแล้วล้างออกในเวลาเพียงไม่กี่นาทีจะทำให้ผิวขาวขึ้นได้จริงหรือ? สบู่บางยี่ห้อถึงกับโฆษณาว่าช่วยให้ผิวขาวขึ้นเร่งด่วนใน 3-7 วันเท่านั้น แต่นั่นเป็นความจริงหรือไม่ มาหาคำตอบกัน

สบู่ที่ทําให้ขาว

สบู่ผิวขาวนั้นมักจะมีส่วนผสมของสารที่ช่วยให้ผิวขาว ซึ่งแน่นอนว่ามีทั้งแบบปลอดภัยและปลอดภัย สำหรับส่วนผสมที่ปลอดภัยใช้กันอย่างทั่วไปก็มีอยู่หลายชนิด เช่น กลูต้าไธโอน วิตามินซี วิตามินอี กรดผลไม้ อัลฟ่า-อาร์บูติน เป็นต้น หากสบู่ที่สัดส่วนของสารเหล่านี้ในปริมาณที่เหมาะสม มีกระบวนการผลิตที่ปลอดภัย ได้มาตรฐาน ผ่านการตรวจสอบคุณภาพมาแล้วเรียบร้อย ก็ย่อมเป็นสบู่ที่ใช้งานได้อย่างปลอดภัย ส่วนผลลัพธ์นั้นขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล หลายคนใช้แล้วผิวขาวขึ้นได้แต่จะอยู่ในลักษณะที่ค่อยๆขาวขึ้น ไม่ใช่ขาวอย่างรวดเร็ว บางคนใช้แล้วอาจไม่ได้ผลเพราะพันธุกรรมเป็นคนผิวคล้ำหรือทำกิจกรรมกลางแจ้งบ่อยๆ ก็อาจจะไม่เห็นผลเท่าใดนัก อีกประการหนึ่งคือการใช้สบู่แค่ฟอกแล้วล้างออก การบำรุงย่อมไม่เท่ากับการทาครีมบำรุงผิวหรือทานอาหารเสริมอย่างแน่นอน

 

อันตรายจากสบู่ผิวขาวที่ไม่ได้มาตรฐาน

นอกจากส่วนผสมปลอดภัยดังกล่าวข้างต้น ยังมีสบู่ผิวขาวอันตรายมากที่ใส่สารอันตรายลงไป เช่น ปรอท ใส่เพื่อช่วยเร่งให้ผิวขาวอย่างรวดเร็ว แต่ส่งผลเสียอย่างรุนแรงต่อร่างกายเพราะปรอทสามารถดูดซึมเข้าสู่ร่างกายผ่านทางผิวหนัง หากได้รับในปริมาณมาก ระบบประสาทและอวัยวะภายในจะถูกทำลายได้

สบู่ที่ทําให้ขาว

สรุปคือสบู่ที่ทําให้ผิวขาวจะใช้ได้ผลหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคลรวมไปถึงปัจจัยแวดล้อมอื่นๆ หากใช้สบู่ผิวขาวแต่ยังตากแดดแรงโดยไม่ทาครีมกันแดด สบู่ก็ย่อมไม่ช่วยอะไร เพราะฉะนั้นหากอยากมีผิวสวยใสจะต้องดูแลผิวหลายๆวิธีควบคู่กันไป ถ้าต้องการซื้อสบู่ผิวขาวมาใช้ให้คำนึงถึงความปลอดภัยเป็นหลัก อย่าหลงเชื่อโฆษณาเกินจริงเพราะไม่มีผลิตภัณฑ์ใดๆที่ทำให้ผิวขาวด่วนได้อย่างปลอดภัยใน 3-7 วัน แต่กับ “Pure Soap” เราคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นอันดับแรก สบู่ของเราปราศจากสารอันตราย มีกลิ่นหอมอ่อนๆ อาบสะอาด ช่วยบำรุงผิวให้ชุ่มชื่น ไม่ทำร้ายผิว ถ้ากำลังมองหาสบู่ดีๆกันอยู่ ลองใช้ Pure Soap กันดูนะคะ

สครับผิวด้วยน้ำตาลง่ายๆ พร้อมแนะนำสครับขัดผิวขาว 2021

แนะนำสูตรสครับผิวด้วยน้ำตาล ที่สามารถทำเองได้ง่าย

ปัญหาผิวหมองคล้ำ ไม่ขาวกระจ่างใส เกิดขึ้นได้หลากหลายปัจจัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งแสงแดดที่เป็นตัวการทำร้ายผิวให้แห้งเสียและเกิดการหมองคล้ำ นอกจากนั้นผิวหมองคล้ำ ยังอาจเกิดจากกระบวนการผลัดเซลล์ผิวที่ไม่มีประสิทธิภาพ โดยปกติแล้วร่างกายจะมีการผลัดเซลล์ผิวอย่างสม่ำเสมอตามธรรมชาติ บางครั้งเซลล์ผิวอาจอุดตันในรูขุมขนจนทำให้เกิดสิวตามมา และอายุที่เพิ่มสูงขึ้น ก็อาจทำให้การผลัดเซลล์ผิวไม่มีประสิทธิภาพด้วยเช่นเดียวกัน วันนี้เรามีสูตรสครับผิวด้วยน้ำตาลง่ายๆพร้อมแนะนำสครับขัดผิวขาว ยี่ห้อไหนดีรับรองว่าคุณต้องติดใจแน่นอน

 

น้ำตาลทรายและนมสด

สิ่งที่ต้องเตรียม คือ น้ำตาลทราย 3 ช้อนโต๊ะ และนมสด 1/4 ถ้วย วิธีการทำนั้นง่ายแสนง่าย เพียงนำน้ำตาลทรายมาผสมคนให้เข้ากันกับนมสด จากนั้นนำมาขัดลงบนผิวหนัง นวดให้เป็นวงกลมอย่างเบามือและปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที จากนั้นจึงล้างออกด้วยน้ำเปล่าที่สะอาด หมั่นสครับผิวด้วยสูตรนี้เป็นประจำประมาณ 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ ช่วยให้ผิวที่หมองคล้ำดูสดใสและขาวกระจ่างใสมากยิ่งขึ้น

 

น้ำตาลทรายน้ำมะนาวและน้ำผึ้ง

สิ่งที่ต้องเตรียม น้ำตาลทราย 3 ช้อนโต๊ะ น้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะและน้ำมะนาว 2 ช้อนชา นำส่วนผสมทั้งหมดมาคนให้เข้ากัน จากนั้นนำมาขัดลงบนผิวอย่างเบามือและอ่อนโยน ขัดวนไปมาเป็นวงกลม ปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 10 นาทีแล้วล้างออกด้วยน้ำเปล่า หมั่นบำรุงด้วยสูตรนี้เป็นประจำ 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ ช่วยฟื้นฟูผิวที่หมองคล้ำให้สดใสและเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิวได้เป็นอย่างดี

 

น้ำตาลทรายและน้ำมันมะกอก

ก่อนจะไปดูกันว่าเลือกสครับขัดผิวขาว ยี่ห้อไหนดี เรามาต่อกันที่สูตรสุดท้าย นั่นก็คือ น้ำตาลทรายและน้ำมันมะกอก สิ่งที่ต้องเตรียมคือน้ำตาลทราย 3 ช้อนโต๊ะและน้ำมันมะกอก 2 ช้อนโต๊ะ นำส่วนผสมมาคนให้เข้ากัน ก่อนนำมาขัดลงบนผิวขัดเบาๆเป็นวงกลมจนทั่ว จากนั้นปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาทีแล้วจึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด สครับผิวด้วยสูตรนี้เป็นประจำสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง นอกจากจะช่วยฟื้นฟูให้ผิวกลับมาสดใสได้อีกครั้งแล้วยังเหมาะสำหรับสาวๆ ผิวแห้งด้วย

 

สครับขัดผิวขาว ยี่ห้อไหนดี 2021

สำหรับสาวๆ ที่อยากจะสครับผิว แต่ไม่มีเวลามาปรุงสูตรครับด้วยตนเอง วันนี้เราก็มีสครับผิวสำเร็จรูปมาแนะนำที่ใช้ได้ง่ายๆและเห็นผลลัพธ์ที่ดี นั่นก็คือ JELLYS SNAIL CANDY SCRUB Candy Scrub เป็นผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวในรูปแบบสครับและมาส์กบำรุงผิวในตัว ช่วยเร่งการผลัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพให้หลุดไวขึ้น ปรับให้สีผิวสม่ำเสมอ ลดฝ้า กระ และจุดด่างดำ ที่สำคัญคือช่วยควบคุมความมัน ซึ่งเป็นต้นตอของการเกิดสิวได้ด้วย แคนดี้สครับ แบรนด์ JELLYS ไม่มีผิดหวังแน่นอน

 

วิธีป้องกันไม่ให้ผิวหมองคล้ำ และเคล็ดลับที่ทำให้ผิวดูขาวขึ้น

แนะนำวิธีป้องกันผิวหมองคล้ำ พร้อมเผยเคล็ดลับผิวขาวกระจ่างใส

ปัญหาผิวพรรณหมองคล้ำไม่ขาวใส เป็นอีกปัญหาหนึ่งที่หลายคนต่างกังวลใจ ด้วยอากาศและแดดเมืองไทยที่ร้อนจัด มักทำให้ผิวคล้ำดำเสียได้ง่าย เราจึงได้รวบรวมวิธีป้องกันไม่ให้ผิวหมองคล้ำ และทำให้ผิวดูขาวกระจ่างใสขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติมาฝากกัน หนึ่งในนั้นก็คือการใช้สบู่ที่ทําให้ผิวขาว ซึ่งเป็นตัวช่วยอย่างหนึ่งที่ทำให้ผิวของคุณขาวเร็วขึ้น แต่นอกจากนั้นจะมีวิธีอะไรบ้าง ไปอ่านกันเลยค่ะ

 

1.ทาครีมกันแดด ครีมกันแดดมีคุณสมบัติปกป้องผิวคุณจากแสงรังสียูวี ทำให้ผิวไม่กระตุ้นการสร้างเม็ดสีหรือเมลานิน ป้องกันผิวเสีย ไหม้เกรียม และเกิดอาการแสบผิว จากการถูกแสงแดดเป็นเวลานาน ทั้งยังช่วยป้องกันริ้วรอยที่อาจจะเกิดขึ้นได้เนื่องจากโดนแสงแดดทำร้ายอีกด้วย

 

2.ใส่หมวกปีกกว้าง พกร่ม อีกวิธีหนึ่งที่ช่วยป้องกันผิวเราจากแสงแดดได้ก็คือ การใส่หมวกปีกกว้าง หรือการกางร่มในเวลาที่ออกแดด ซึ่งเป็นวิธีที่ง่ายและได้ผลดีกว่าการทาครีมกันแดดเพียงอย่างเดียว หรือใครจะใส่เสื้อแขนยาวกับกางเกงขายาวด้วยก็ได้ หากต้องตากแดดจัดนาน ๆ เพราะครีมกันแดดไม่สามารถคงประสิทธิภาพเดิมไว้ได้ตลอดเวลา

กันแดดสําหรับคนเป็นสิว

 

3.ดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอ เป็นข้อที่หลายคนอาจมองข้าม แต่การดื่มน้ำให้เพียงพอก็จำเป็นต่อการมีผิวพรรณที่ดี เพราะจะทำให้ผิวนุ่มชุ่มชื้น ไม่แห้งกร้านขาดน้ำ ผิวดูเปล่งปลั่งมีสุขภาพดี ที่สำคัญยังทำให้หน้าตาดูไม่อิดโรยเหมือนคนป่วยอีกด้วยค่ะ

 

4.รับประทานผักและผลไม้ การรับประทานผักและผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุ ตลอดจนสารต้านอนุมูลอิสระ จะช่วยบำรุงผิวพรรณและร่างกายของเราให้แข็งแรง ชะลอการเสื่อมสภาพของเซลล์ ทำให้ไม่แก่ง่าย พร้อมต่อสู้กับแสงแดดตัวร้ายและมลภาวะภายนอกได้เสมอ

 

5.ใช้สบู่ที่ช่วยให้ผิวขาว หากใครที่ใช้วิธีข้างต้นไปหมดแล้ว แต่ผิวยังไม่ขาวกระจ่างใสขึ้นซะที คุณอาจจะต้องใช้ผลิตภัณฑ์ดี ๆ ที่เป็นตัวช่วยทำให้ผิวขาวเร็วขึ้นก็ได้ หนึ่งในนั้นก็คือสบู่ที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติ ซึ่งมีคุณสมบัติทำให้ผิวของคุณกระจ่างใสขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ โดยไม่ทำร้ายผิวนั่นเองค่ะ

สบู่ที่ทําให้ผิวขาว

หากใครกำลังมองหาสบู่ที่ทําให้ผิวขาวอยู่ล่ะก็ เราขอแนะนำ PURE SOAP จากแบรนด์ JELLYS ที่มีส่วนผสมหลักมาจากน้ำมันมะพร้าว กรดผลไม้ น้ำมันจากเมล็ดปาล์ม วิตามินอี และกลูต้าไธโอน ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่มาจากธรรมชาติ ช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วให้หลุดลอกออกไป ยังยั้งการผลิตเม็ดสีหรือเมลานิน ทำให้ผิวขาวใสอมชมพูขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ เมื่อใช้ต่อเนื่องอย่างเป็นประจำ

สบู่ที่ทําให้ขาว

ทำไมคนเราสีผิวถึงต่างกัน แล้วจะทำยังให้ผิวกระจ่างใส

เผยสาเหตุว่าทำไมสีผิวของแต่ละคนแตกต่างกัน พร้อมแนะนำสบู่ที่ทําให้ขาว

คุณเคยสงสัยไหมว่าทำไมคนเราเกิดมาถึงมีสีผิวที่แตกต่างกันออกไป อะไรคือตัวกำหนด หลายคนเข้าใจว่า สีผิว มาจากพันธุกรรม แต่ก็มีตัวอย่างให้เห็นอยู่จำนวนไม่น้อย บางคนพ่อแม่ผิวขาว แต่ลูกกลับมีสีผิวที่เข้มกว่า สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นได้อย่างไร ทำไมแต่ละคนจึงมีสีผิวที่ไม่เหมือนกัน วันนี้จะพาทุกคนมาหาคำตอบไปพร้อมๆ กัน รวมถึงเรื่องราวที่น่าสนใจของสบู่ที่ทําให้ขาวด้วย แม้ว่าสบู่ที่จะมีจำหน่ายมากมายเต็มไปหมด แต่ก็ต้องเลือกให้ดี

 

ทำไมมนุษย์จึงสีผิวถึงต่างกัน ?

สีผิวของมนุษย์ ถูกกำหนดด้วยจำนวนเมลานิน โดยเทลานินคือเม็ดสีผิว ที่ผลิตจากเซลล์ผิวหนัง ยิ่งเซลล์ผิวหนังมีการผลิตสีเมลานินมากเท่าไหร่ สีผิวก็ยิ่งเข้มมากเท่านั้น หมายความว่า คนที่มีผิวขาวนั้นมีเม็ดสี น้อยกว่าคนที่มีผิวดำ นั่นเอง

แล้วทุกคนสงสัยไหมว่า จำนวนเม็ดสีเมลานินในผิวหนังนั้น ถูกกำหนดจากอะไร คำตอบ คือ พันธุกรรม แต่ก็ไม่ได้มีเพียงแค่พันธุกรรมอย่างเดียวที่เป็นตัวกำหนดเม็ดสีผิว สภาพแวดล้อมภายนอก เช่น แสงแดด ฝุ่น ควัน เป็นต้น ไปจนถึงผิวหนังสัมผัสกับสารเคมีด้วยเช่นเดียวกัน สิ่งต่างๆ เหล่านี้ล้วนแล้วแต่มีผลต่อการผลิตเม็ดสีผิวทั้งนั้น

 

การดูแลผิวให้ขาวกระจ่างใส

การดูแลผิวให้ขาวกระจ่างใส มีหลายวิธี เช่น การสครับผิว การใช้ผลิตภัณฑ์ปรับผิวขาว ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ไปจนถึงการใช้สบู่ที่ทำให้ผิวขาว โดยเฉพาะสบู่ที่ทำให้ผิวขาว บอกเลยว่าตอนนี้กำลังได้รับความสนใจมาก สาเหตุหนึ่งก็น่าจะมาจากเป็นผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวที่มีราคาไม่แพง หาซื้อได้ง่ายๆ ตามร้านสะดวกซื้อ ห้างสรรพสินค้า หรือสั่งซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ สบู่ที่ทำให้ผิวขาว ปัจจุบันมีมากมายหลายแบรนด์ หลายยี่ห้อ แต่ผู้ซื้อ ก็อย่าเห็นแก่ของที่มีราคาถูกเพียงอย่างเดียว ต้องให้ความสำคัญกับความน่าเชื่อถือของแบรนด์ด้วย เลือกยี่ห้อที่เชื่อถือได้ เพื่อให้ปลอดภัยต่อการใช้งาน เป็นสบู่ที่ทำให้ผิวขาว โดยปราศจากสารเคมีที่เป็นอันตราย ยิ่งมีสารสกัดมาจากธรรมชาติ ยิ่งดี เพราะมีความอ่อนโยนต่อผิว เหมาะกับคนผิวแพ้ง่าย

สบู่ที่ทําให้ขาว

อย่างเช่น สบู่ที่ทําให้ผิวขาว แบรนด์ JELLYS แบรนด์นี้ การันตีความเป็นที่หนึ่ง ผลิตภัณฑ์ปลอดภัยไว้ใจได้ มีสารสกัดมาจากธรรมชาติ ไม่เพียงแต่ทำให้ผิวขาว แต่ยังทำให้ผิวสวยแบบมีสุขภาพดี ใช้แล้วผิวนุ่มชุ่มชื้น ไม่แห้งกร้าน ใครๆ ใช้แล้ว ก็ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า แบรนด์ JELLYS ของจริง ตัวจริง แบรนด์นี้ใช้แล้ว