ทํายังไงให้ขาว

เผยเคล็ดลับดูแลผิว ทํายังไงให้ขาว ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ

ทํายังไงให้ขาว คำถามที่ใครหลายๆคนอยากรู้? วันนี้เราจะมาเฉลยกันให้ทราบ

ทํายังไงให้ขาว  คือ คำถามสุดคลาสสิคสำหรับทุกคน โดยเฉพาะสาวๆ ต้องบอกเลยว่าผิวขาว ช่วยสร้างความมั่นใจให้กับคุณผู้หญิง แต่ประเด็นคือมีตัวการหลากหลายที่คอยทำร้ายผิวของเราให้หมองคล้ำ ผิวแห้งเสีย มีสิวมากวนใจ รวมทั้งเกิดปัญหาฝ้า กระและจุดด่างดำต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นมลภาวะทางอากาศ ฝุ่น ควัน หรือแสงแดด บางคนแพ้เครื่องสำอางจนทำให้เกิดสิวตามมา เอาล่ะค่ะ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลต่างๆ นานาอะไรก็แล้วแต่ ที่ทำให้ผิวของคุณสาวๆ ไม่ขาว กระจ่างใส วันนี้เรามีเคล็ดลับการดูแลผิวให้ขาวได้ง่ายๆ โดยไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพมาฝาก

 

1.นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ

การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ช่วยทำให้ผิวขาวได้จริงเพราะช่วงเวลาแห่งการนอน เป็นช่วงเวลาแห่งการฟื้นฟูสภาพร่างกายและผิวพรรณ ในระหว่างที่เราหลับ Growth Hormone และ Melatonin จะเพิ่มสูงขึ้น ฮอร์โมนเหล่านี้ช่วยฟื้นฟูและซ่อมแซมอวัยวะในร่างกายที่สึกหรอ รวมถึงช่วยสร้างเซลล์ผิวให้แข็งแรง กระชับมากขึ้น ในขณะที่ฮอร์โมนแห่งความเครียดอย่าง Cortisol จะลดลง เมื่อความเครียดลดลงส่งผลให้ร่างกายผ่อนคลาย ดีสุขภาพและผิวพรรณ ก่อนนอนควรล้างหน้าให้สะอาด นอนหงายเพื่อป้องกันรอยเหี่ยวย่น หรือจะทาครีมบำรุงผิวสูตรอ่อนโยน มาส์กหน้าก่อนนอนทุกวันก็เป็นไอเดียที่ดี ช่วยกระตุ้นให้ผิวขาวเร็วทันใจ

ทํายังไงให้ขาว

 

2.ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

การออกกำลังกาย ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยให้ผิวขาวขึ้นได้ เนื่องจากการออกกำลังกายช่วยให้หัวใจเกิดการสูบฉีดเลือดทำให้เลือดสามารถไปหล่อเลี้ยงอวัยวะต่างๆ ภายในร่างกาย เมื่อออกซิเจนในเลือดเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง เกิดเลือดฝาด ผิวขาวใสอมชมพูอย่างมีสุขภาพดี นอกจากนั้นการออกกำลังกายยังช่วยลดการเกิดสิวได้อีกด้วยนะ เพราะเหงื่อที่ไหลออกมาเป็นการขับสารพิษ ขับของเสีย รวมถึงสิ่งอุดตันในรูขุมขน จึงช่วยควบคุมการเกิดสิวได้นั่นเอง

ทํายังไงให้ขาว

 

3.ทานอาหารที่มีประโยชน์

ทํายังไงให้ขาว ข้อนี้ถือว่าสำคัญมาก ให้งดทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์ งดดื่มแอลกอฮอล์ งดสูบบุรี่ หันมารับประทานอาหารที่ดีและมีประโยชน์ โดยเฉพาะผักและผลไม้ เน้นผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามินซีสูง เช่น ส้ม ฝรั่ง กีวี ลิ้นจี่ ส้มโอ สับปะรด เป็นต้น วิตามินซีช่วยทำให้ผิวพรรณขาวใส เปล่งปลั่ง อย่างเป็นธรรมชาติ นอกจากนั้นยังช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีให้แก่ร่างกาย ป้องกันโรคไข้หวัด บรรเทาอาการเจ็บคอได้ด้วย

ทํายังไงให้ขาว

 

4.ดื่มน้ำให้มากๆ

รู้หรือไม่ว่าการดื่มน้ำ ช่วยให้ผิวขาวใสได้ ในแต่ละวันร่างกายของเราควรได้รับน้ำในปริมาณที่เหมาะสม คือ 8 แก้ว ต่อวัน เพราะน้ำช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว อีกทั้งยังช่วยลดเลือนริ้วรอยได้ด้วย การดื่มน้ำในปริมาณที่เพียงพอต่อวันช่วยลดการเกิดสิวได้ เนื่องจากน้ำจะเข้าไปขับล้างสารพิษในร่างกาย หากร่างกายมีสารพิษตกค้างก็จะถูกขับออกมาทางรูขุมขน จึงเป็นสาเหตุของการเกิดสิวตามมานั่นเอง

ทํายังไงให้ขาว

 

5.ทาครีมกันแดด

ในแต่ละวันเราต้องพบเจอกับปัญหามลภาวะต่างๆ เช่น ฝุ่น ครัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งแสงแดด รังสียูวีในแสงแดดคอยทำร้ายผิวของเราให้หมองคล้ำ แห้งเสีย ขาดความชุ่มชื้น นอกจากนั้นยังทำให้เกิดปัญหา ฝ้า กระ หรือจุดด่าดำตามมาด้วย แนะนำให้ทาครีมกันแดดที่มี SPF 30+ ขึ้นไปก่อนออกไปทำกิจกรรมกลางแจ้ง ช่วยป้องกันไม่ให้รังสียูวีเอและยูวีบีมาทำร้ายผิวของเราให้หมองคล้ำและมีริ้วรอย หรือจะรับประทานอาหารเสริมจำพวกคอลลาเจน อย่างเช่น ยากุรุโต๊ะ คอลลาเจน ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมคอลลาเจน ชนิดผง ชงดื่มง่าย รสชาติอร่อย ดื่มแล้วไม่อ้วนอาหารเสริมคอลลาเจนตัวนี้ ช่วยบำรุงให้ผิวขาว เปล่งปลั่ง คืนความชุ่มชื้นให้แก่ผิวแล้ว นอกจากจะช่วยให้ผิวดูมีน้ำมีนวลแล้ว ด้วยความที่เป็น White Aura จึงช่วยปกป้องผิวจากรังสียูวีในแสงแดดได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ทํายังไงให้ขาว

 

6.ขัดผิวสม่ำเสมอ

ทำยังไงให้ผิวขาว แนะนำให้ขัดผิวหรือสครับผิว วิธีนี้ก็สามารถช่วยให้ผิวขาวได้ แต่ต้องหมั่นขัดผิวเป็นประจำสม่ำเสมอ สาวๆ สามารถขัดผิวด้วยสูตรที่สามารถทำเองได้ง่ายๆ ที่บ้าน เช่น ขัดผิวด้วยกากกาแฟ สูตรน้ำตาลทรายผสมน้ำผึ้ง สูตรน้ำมะขาวเปียกผสมโยเกิร์ตและมะนาว เป็นต้น การขัดผิว ช่วยเร่งการผลัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพให้หลุดออกไป เผยให้เห็นผิวใหม่ที่เนียนนุ่ม ขาว กระจ่างใส มากกว่าเดิม แต่ถ้าหากคุณไม่ค่อยมีเวลาหรือไม่สะดวกมานั่งผสมสูตรเอง ขอแนะนำ Jellys snail candy scrub สครับขัดผิวที่บอกเลยว่าตอบโจทย์คนอยากผิวขาวได้แน่นอน นอกจากช่วยทำให้ผิวขาวแล้ว ยังช่วยปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ ลดปัญหาฝ้า กระ และจุดด่างดำได้อีกด้วย ยิ่งใช้เป็นประจำสม่ำเสมอ ยิ่งได้ผลลัพธ์ที่ดี

ทํายังไงให้ขาว

ทั้งหมดนี้ ก็คือ เคล็ดลับดูแลผิวให้ขาวได้ง่ายๆ อีกทั้งยังไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพอีกด้วย แต่ในกรณีที่ต้องรับประทานผลิตภัณฑ์อาหารเสริมคอลาเจน สครับผิว หรือการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวต่างๆ เพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์อันเป็นที่น่าพึงพอใจ สาวๆ ควรเลือกยี่ห้อที่มีความน่าเชื่อถือ อย่างเช่น Jellys (เจลลี่) แบรนด์นี้ไม่มีผิวหวังแน่นอน ปลอดภัยไว้ใจได้ เจลลี่ มุ่งมั่นใจการนำเสนอผลิตภัณฑ์สกินแคร์ดูแลผิว และอาหารเสริมประเภทคอลลาเจน ช่วยทำให้ผิวขาวอย่างมีสุขภาพดี แบรนด์ชั้นนำของโลก ตอบโจทย์คนที่อยากมีผิวขาวได้แน่นอน ถ้าถามว่าทํายังไงให้ขาว ? ลองใช้ผลิตภัณฑ์ เจลลี่ ดูสิ การันตีความขาว ใส ในแบบที่คุณต้องการ

ผลิตภัณฑ์ดูแลช่องคลอด

รวม 5 สัญญาณเตือน ช่องคลอดอาจมีปัญหา และ 3 โรคที่ต้องระวัง

หมั่นสังเกตความผิดปกติของช่องคลอดอยู่เสมอ และเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลช่องคลอด ที่ปลอดภัยได้มาตรฐาน

ช่องคลอดมีความสำคัญต่อระบบสืบพันธุ์ของมนุษย์ เพราะเป็นที่ปฏิสนธิและให้กำเนิดบุตร แม้ว่าคุณไม่มีความตั้งใจที่จะท้อง แต่ก็ควรดูแลสุขภาพช่องคลอดให้ดีอยู่เสมอ เพราะอาจส่งผลต่อสุขภาพในร่างกายโดยรวมของคุณได้เช่นกัน ซึ่งคุณอาจจะหาผลิตภัณฑ์ดูแลช่องคลอดมาใช้ เพื่อเพิ่มความมั่นใจในทุกอิริยาบถก็ได้ โดยเราควรหมั่นสังเกตความผิดปกติของช่องคลอดอยู่เสมอ ซึ่งมักจะได้แก่

 

1.กลิ่นผิดปกติ โดยปกติช่องคลอดจะมีกลิ่นอ่อน ๆ ตามธรรมชาติอยู่แล้ว แต่หากกลิ่นนั้นเปลี่ยนไปอย่างรุนแรง รวมทั้งมีความผิดปกติอื่น ๆ ประกอบด้วย เช่น เกิดอาการคัน เป็นผื่นแดง อักเสบ ตกขาวมีสี เป็นต้น ก็ให้คาดเดาไว้เลยว่าคุณอาจติดเชื้อในช่องคลอด หรืออาจเป็นโรคอย่างอื่นได้ ให้ไปพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุและรักษาอาการต่อไป

ผลิตภัณฑ์ดูแลช่องคลอด

 

2.สีตกขาวผิดปกติ โดยปกติตกขาวจะมีสีขาว แต่หากมีกลิ่นคาวและเริ่มกลายเป็นสีเหลือง อาจเป็นไปได้ว่าคุณกำลังติดเชื้อแบคทีเรียในช่องคลอด และหากมีสีเหลืองขุ่น ก็อาจแปลว่าคุณเป็นโรคหนองใน ถ้ามีสีเหลืองออกเขียว หมายความว่าคุณอาจติดเชื้อจากการมีเพศสัมพันธ์ได้ หากเป็นสีชมพู อาจเป็นช่วงที่เยื่อบุมดลูกกำลังลอกตัวหลังคลอด และหากเป็นสีน้ำตาลหรือสีแดง อาจหมายความว่าประจำเดือนมาผิดปกติ หรือเป็นมะเร็งในเยื่อบุโพรงมดลูกอยู่ ซึ่งต้องไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุที่แน่ชัดอีกที

 

3ช่องคลอดแห้งผิดปกติ โดยปกติแล้วช่องคลอดจะมีความชุ่มชื้นอยู่ภายใน เพื่อช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นและลดการเสียดสีในช่องคลอด แต่หากช่องคลอดของคุณมีลักษณะแห้งผิดปกติ อาจเป็นไปได้ว่าจะมีเชื้อราอยู่ภายใน แต่สำหรับผู้ที่อยู่ในวัยหมดประจำเดือนแล้ว การที่ช่องคลอดแห้งถือว่าเป็นเรื่องปกติค่ะ

ผลิตภัณฑ์ดูแลช่องคลอด

 

4.ช่องคลอดมีเลือดออก หากคุณไม่ได้อยู่ระหว่างการมีประจำเดือน อยู่ในวัยหมดประจำเดือน หรือกำลังตั้งครรภ์ แล้วเกิดมีเลือดออกในช่องคลอด ซึ่งอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น ฮอร์โมนในร่างกายผิดปกติ อาจเกิดมาจากการใช้ยาคุมกำเนิด หรืออาจเป็นโรคร้ายแรงอย่างมะเร็งปากมดลูก หรือมีเนื้องอกในมดลูกก็เป็นได้ ซึ่งควรไปพบแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัยและรักษาต่อไป

 

5.ช่องคลอดมีแผล หากช่องคลอดของคุณมีความผิดปกติเปลี่ยนไปจากเดิม เช่น มีแผลเกิดขึ้น อาจจะเนื่องมาจากการโกนขนเป็นประจำ ซึ่งอาจทำให้มีสิวขึ้น หรือมีก้อนเนื้อ และเกิดการระคายเคืองได้ หากมีอาการแสบร้อนและคันร่วมด้วย อาจเกิดมาจากโรคติดต่อจากการมีเพศสัมพันธ์ก็เป็นไปได้เช่นกัน

ผลิตภัณฑ์ดูแลช่องคลอด

นอกจากคุณต้องคอยหมั่นสังเกตความผิดปกติของช่องคลอดแล้ว หรือจะหาผลิตภัณฑ์ดูแลช่องคลอดมาใช้ร่วมด้วยก็ดี คุณยังต้องคอยเฝ้าระวังโรคเหล่านี้ที่เกี่ยวกับช่องคลอดอีกด้วย ซึ่งได้แก่

 

3 โรคที่ต้องระวังเกี่ยวกับช่องคลอด

1.โรคเนื้องอกในมดลูก อาจจะฟังดูน่ากลัวสำหรับสาว ๆ หลายคนที่ยังไม่เคยไปตรวจภายใน แต่ก็ใช่ว่าเนื้องอกที่เกิดขึ้นในมดลูกจะเป็นเนื้อร้ายไปเสียหมด ในบางกรณีเนื้องอกนั้นอาจจะมีขนาดเล็กมาก จนยังไม่ต้องรักษาก็ได้ แค่เฝ้าติดตามอาการอย่างสม่ำเสมอก็พอ แต่สำหรับบางรายก้อนเนื้อมีขนาดใหญ่ และมีภาวะอื่นแทรกซ้อนร่วมด้วย เช่น มีเลือดออกในช่องคลอด ปวดหัวหน่าว มีอาการเหนื่อยง่าย เป็นลมบ่อย ปัสสาวะถี่ขึ้น มีอาการท้องผูก หรือเกิดการอักเสบขึ้น ก็จำเป็นจะต้องผ่าเนื้องอกนั้นออก โดยวิธีการรักษาขึ้นอยู่กับผลการวินิจฉัยจากแพทย์

2.โรคเยื่อบุมดลูกเจริญเติบโตผิดที่ ซึ่งมีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าช็อคโกแลตซีสต์ เกิดจากการที่เยื่อบุมดลูกไปเจริญเติบโตตามอวัยวะต่าง ๆ เช่น ช่องท้อง ผนังมดลูก หรือรังไข่ ทำให้เลือกตกค้างอยู่ในบริเวณเหล่านั้นจนกลายเป็นพังผืด ผู้ป่วยจะมีอาการปวดท้องอย่างรุนแรงเมื่อมีประจำเดือน หรืออาจเป็นลม คลื่นไส้ อาเจียน ท้องผูก ท้องอืด ท้องเสีย หรือปวดท้องเรื้อรังได้ ซึ่งการรักษาจะแบ่งออกเป็น 2 แบบใหญ่ ๆ คือการฉีดยาคุมทำให้มดลูกฝ่อ แต่ก็จะไม่สามารถมีลูกได้ หรือหากใครยังต้องการมีลูก ก็ต้องรักษาด้วยวิธีผ่าตัดนั่นเอง

3.โรคช่องคลอดอักเสบ โรคนี้เกิดจากการที่แบคทีเรียชนิดดีในช่องคลอดที่ชื่อว่าแลคโตบาซิไลมีจำนวนลดลง จนแบคทีเรียชนิดไม่ดีเจริญเติบโตมากขึ้น ซึ่งเป็นผลทำให้เกิดภาวะติดเชื้อในบริเวณช่องคลอด โดยหญิงที่ไม่เคยมีเพศสัมพันธ์ก็สามารถเป็นโรคนี้ได้เช่นกัน ซึ่งอาการจะมีตกขาวเป็นสีเทาอ่อน อาจมีกลิ่นคาวรุนแรงหรือไม่มีกลิ่นเลยก็ได้ และมีการระคายเคืองในบริเวณปากช่องคลอด การรักษามักจะใช้การรับประทานยา และต้องงดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์เป็นเวลา 1 สัปดาห์ หากเกิดอาการแพ้ยา มีผื่นขึ้นตามตัว หรืออาการผิดปกติอื่น ๆ ให้มาพบแพทย์ทันที

ผลิตภัณฑ์ดูแลช่องคลอด

ได้รู้วิธีการสังเกตความผิดปกติของช่องคลอดรวมทั้ง 3 โรคที่ต้องระวังกันไปแล้ว ก็อย่าเพิ่งเป็นกังวลจนเครียดไปซะก่อนนะคะ เพราะหากเราใส่ใจและดูแลช่องคลอดเป็นอย่างดี หมั่นรักษาอนามัยให้สะอาดอยู่เสมอ เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลช่องคลอดที่อ่อนโยน ไม่ก่อให้เกิดอาการระคายเคือง เพียงเท่านี้ช่องคลอดของคุณก็จะมีสุขภาพดี ปลอดภัยไร้โรค ทำให้คุณใช้ชีวิตได้อย่างมั่นใจและสบายใจได้แล้วค่ะ

 

วิธีล้างจุดซ่อนเร้น

วิธีล้างจุดซ่อนเร้นที่ถูกต้อง พร้อมเคล็ดลับการดูแลน้องสาว

นอกจากวิธีการล้างจุดซ่อนเร้นที่ถูกต้องแล้ว เราควรรู้เคล็ดลับการดูแลน้องสาวอย่างถูกวิธีด้วย

นอกจากรูปร่างหน้าตาทรงผมและการแต่งตัวแล้ว สิ่งที่ผู้หญิงหลายคนมักเป็นกังวลอีกอย่างก็คือจุดซ่อนเร้นนั่นเอง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของอวัยวะในร่างกายที่ต้องให้ความสำคัญดูแลและใส่ใจเป็นพิเศษ เพราะเป็นจุดที่บอบบาง และมักจะอับชื้นอยู่บ่อย ๆ หากดูแลไม่ดี วันนี้เราจึงมีวิธีล้างจุดซ่อนเร้นที่ถูกต้องมาฝากกัน พร้อมกับเคล็ดลับการดูแลน้องสาวอย่างถูกวิธีด้วยค่ะ

จุดซ่อนเร้นตามธรรมชาติของผู้หญิงนั้นมักจะมีกลิ่นอ่อน ๆ และมีตกขาวที่เป็นสีใสหรือสีขุ่นอยู่แล้ว เพื่อรักษาความชุ่มชื้นภายในช่องคลอด และยังมีค่า pH ซึ่งเป็นกรดอ่อน ๆ อีกด้วย โดยจะอยู่ที่ระดับประมาณ 3.8 – 4.5 ซึ่งจะช่วยรักษาปริมาณของแบคทีเรียชนิดดีและไม่ดีให้สมดุลกัน โดยจะมีหน้าที่ปกป้องไม่ให้เกิดการติดเชื้อในช่องคลอดนั่นเอง

วิธีล้างจุดซ่อนเร้น

ในช่วงที่มีประจำเดือน ฮอร์โมนร่างกายของผู้หญิงจะเปลี่ยนไป ทำให้กลิ่นหรือตกขาวอาจมีสีที่ไม่เหมือนเดิม ซึ่งเป็นเรื่องปกติ โดยบางคนเข้าใจผิดว่าต้องทำการสวนล้างช่องคลอด เพื่อให้สะอาดยิ่งขึ้นเหมือนตอนไม่มีประจำเดือน ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ผิดค่ะ เพราะการสวนล้างช่องคลอดนั้น อาจทำให้เกิดการติดเชื้อได้ ดังนั้นเราจึงควรทำความสะอาดเพียงแค่บริเวณภายนอกก็เพียงพอแล้ว

 

นอกจากวิธีล้างจุดซ่อนเร้นที่ถูกต้องแล้ว เรายังมีวิธีการดูแลน้องสาวให้มีอนามัยที่ดีอยู่เสมอมาฝากกันด้วย จะมีอะไรบ้างนั้น ไปอ่านกันเลยค่ะ

 

1.ไม่ใส่กางเกงในที่รัดรูปจนเกินไป

การใส่กางเกงในที่รัดรูปจนเกินไปอาจทำให้คุณรู้สึกมั่นใจ แต่หารู้ไม่ว่าเป็นที่มาของความอับชื้น เนื่องจากอากาศไม่สามารถถ่ายเทได้สะดวก ดังนั้นจึงควรเลือกใช้กางเกงในที่ไม่คับมากจนเกินไป และทำมาจากเส้นใยธรรมชาติ เพราะสามารถระบายอากาศได้ดี ทำให้ไม่อับชื้น หรือเป็นผื่นคัน

วิธีล้างจุดซ่อนเร้น

 

2.หากมีประจำเดือน ควรหมั่นเปลี่ยนผ้าอนามัย

เมื่อถึงวันนั้นของเดือน ก็ต้องใช้ผ้าอนามัย ซึ่งเป็นที่มาของความเหม็นอับ ไม่สบายตัว จึงควรเปลี่ยนผ้าอนามัยบ่อย ๆ ในทุก ๆ 4-6 ชั่วโมง นอกจากจะช่วยลดกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์แล้ว ยังช่วยลดการสะสมของเชื้อโรคและแบคทีเรียด้วยค่ะ และที่สำคัญไม่ควรเลือกใช้ผ้าอนามัยที่มีน้ำหอม เพราะอาจทำให้เกิดอาการแพ้และระคายเคืองต่อจุดซ่อนเร้น ซึ่งมีความบอบบางได้

 

3.ไม่โกนหรือถอนขนบริเวณนั้น

ขนตรงจุดซ่อนเร้นมีหน้าที่เสมือนเป็นเกราะป้องกันสิ่งสกปรกต่าง ๆ ไม่ให้ผ่านเข้าไปข้างในได้ และยังช่วยให้อุณหภูมิคงที่อีกด้วย ซึ่งหลายคนอาจจะไม่ชอบ เพราะรู้สึกไม่สบายตัว และดูรกรุงรัง เลยอยากจะกำจัดเสียให้หมด ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อน้องสาวของเราเลยค่ะ แต่หากใครรู้สึกรำคาญและต้องการความสบายตัว ก็สามารถตัดเล็มออกได้นิดหน่อยค่ะ

วิธีล้างจุดซ่อนเร้น

 

4.ควรซับให้แห้งทุกครั้งหลังทำธุระเสร็จ

บางคนไม่ชอบพกกระดาษทิชชู พอปลดทุกข์เสร็จก็ใส่เสื้อผ้าเลย ไม่ทันได้ซับให้แห้งก่อน ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง เพราะจะทำให้น้องสาวของเราเกิดการอับชื้น และมีกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ตามมาได้ นอกจากนั้นยังเป็นที่สะสมของเชื้อโรคและแบคทีเรียอีกด้วย ทั้งยังทำให้รู้สึกไม่สบายตัวอีกต่างหาก ดังนั้นสาว ๆ ควรพกกระดาษทิชชูไปด้วยทุกครั้งเมื่อต้องไปทำธุระส่วนตัวนะคะ

 

5.ให้เช็ดจากหน้าไปหลังทุกครั้ง

หลังเสร็จภารกิจแล้ว ไม่ว่าจะเป็นปลดทุกข์เบาหรือหนัก เราก็จะต้องทำการซับน้องสาวของเราด้วยผ้าแห้งหรือกระดาษทิชชู โดยวิธีเช็ดหรือซับที่ถูกต้องนั้น ควรเช็ดจากหน้าไปหลัง ไม่ควรเช็ดจากหลังไปหน้า เพราะอาจทำให้เกิดการติดเชื้อในช่องคลอดหรือในทางเดินปัสสาวะได้ เนื่องมาจากการปนเปื้อนของเชื้อโรคและแบคทีเรียจากทวารหนักนั่นเอง

วิธีล้างจุดซ่อนเร้น

 

6.สังเกตความเปลี่ยนแปลงของจุดซ่อนเร้นอยู่เสมอ

อย่าลืมสังเกตความเปลี่ยนแปลงของน้องสาวเราอยู่เป็นประจำ เพราะบางครั้งอาจมีกลิ่นที่เปลี่ยนไป หรือมีตกขาวสีคล้ำ สีน้ำตาลเข้มคล้ายเลือด หรือเกิดอาการคัน เป็นผื่นแดง แสบร้อน รู้สึกเจ็บปวดเวลาปัสสาวะ นั่นคือสัญญาณบ่งบอกความผิดปกติของจุดซ่อนเร้น ซึ่งเราต้องไปให้หมอหาสาเหตุและทำการรักษาจ่ายยาต่อไปค่ะ

 

7.ใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับจุดซ่อนเร้นโดยเฉพาะ

อีกข้อเลยที่สำคัญหากคุณต้องการดูแลจุดซ่อนเร้นเป็นพิเศษ ก็ต้องมีความพิถีพิถันในการเลือกผลิตภัณฑ์ที่จะมาดูแลจุดซ่อนเร้นของเรา ควรเป็นผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนต่อผิว ไม่ทำให้เกิดอาการระคายเคือง หรืออาการแพ้ เป็นผื่นแดง คัน ซึ่งวันนี้เรามีผลิตภัณฑ์สำหรับจุดซ่อนเร้นมาแนะนำกันค่ะ นั่นก็คือ เพียว เอ็กซ์ตร้า เฟมินีน คลีนเซอร์ (PURE EXTRA FEMININE CLEANSER) ซึ่งเป็นสูตรน้ำที่ปราศจากซิลิโคนและพาราเบน ไม่มีไขสบู่ที่มีความเป็นด่าง จึงอ่อนโยนต่อผิวที่บอบบางและแพ้ง่าย โดยไม่ทำให้ผิวแห้งตึง ยังคงความชุ่มชื้นตามธรรมชาติ ช่วยรักษาสมดุลของจุดซ่อนเร้น ลดแบคทีเรีย ปกป้องยาวนานตลอดวัน ซึ่งราคาเพียงขวดละ 169 บาทเท่านั้นเองค่ะ

วิธีล้างจุดซ่อนเร้น

ได้รู้ถึงวิธีล้างจุดซ่อนเร้นและวิธีดูแลน้องสาวอย่างถูกต้องกันไปแล้ว และยังได้รู้จักผลิตภัณฑ์ดี ๆ ที่จะมาช่วยดูแลและปกป้องน้องสาวของคุณอีกด้วย หากคุณนำวิธีเหล่านี้ไปปฏิบัติใช้จริง ก็รับรองได้ว่าน้องสาวของคุณจะอยู่ในสุขอนามัยที่ดีอยู่เสมอ ซึ่งจะทำให้เกิดความมั่นใจได้ในทุกย่างก้าวสำหรับสาว ๆ ทุกคนค่ะ

คอลลาเจนคิวเทน

ชวนมารู้จัก คอลลาเจนคิวเทน ดียังไง เป็นได้มากกว่าการบำรุงผิว

คอลลาเจนคิวเทน คืออะไร และมีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างไร

เชื่อว่าทุกคนต้องเคยได้ยินคำว่า “คอลลาเจน” มาก่อนแน่นอน โดยเฉพาะสาวๆ เนื่องจากคอลลาเจน ขึ้นชื่อในเรื่องของการบำรุงผิวทำให้ผิวขาว กระจ่างใส เนียนนุ่ม และกระชับมากยิ่งขึ้น ในปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์อาหารเสริมประเภทคอลลาเจนที่จำหน่ายขายมากมายตามร้านสะดวกซื้อ ห้างสรรพสินค้า หรือแม้แต่ในช่องทางออนไลน์ มีทั้งคอลลาเจนชนิดเม็ด ชนิดแคปซูล ชนิดผง หรือชนิดน้ำ ฯลฯ นอกจากนั้นยังมีผลิตภัณฑ์อาหารเสริม คอลลาเจนคิวเทน โปรดักส์ใหม่ ไฉไลกว่าเดิม ออกมาวางจำหน่ายให้สาวๆ ได้เลือกซื้อตามความต้องการ เมื่อได้ยินชื่อนี้สาวๆ หลายคน ก็คงสงสัยว่ามันแตกต่างจากคอลลาเจนธรรมดาทั่วไปยังไง ดีหรือไม่ ควรเลือกแบบไหนดี วันนี้เราจะพาทุกคนไปหาคำตอบพร้อมๆ กัน

คอลลาเจนคิวเทน

คอลลาเจน (Collagen) คือ โปรตีนชนิดหนึ่ง ซึ่งสามารถพบได้ทั่วไปในร่างกายของมนุษย์ เช่น เส้นผม เซลล์ผิว กระดูก และไขข้อ เป็นต้น โดยเฉพาะคอลลาเจนที่อยู่ในเซลล์ผิว ทำหน้าที่เหมือนกาวคอยยึดเกาะกัน จึงถูกเรียกว่า กาวธรรมชาติ เพราะมันช่วยให้ผิวหนัง เอ็น หรือกล้ามเนื้อยึดเกาะกันแน่นสนิท ทำให้เกิดความยืดหยุ่น นอกจากคอลลาเจนจะพบได้ในร่างกายของมนุษย์แล้ว ยังสามารถพบได้ใน พืชผักและผลไม้ หรือสัตว์ชนิดอื่นๆ ด้วย เช่น ผักใบเขียว ถั่วเหลือง หอยนางรม อาหารทะเล ฯลฯ อย่างไรก็ตาม แม้ว่าคอลลาเจนจะพบได้ในร่างกายของมนุษย์

 

แต่เมื่อมีอายุเพิ่มมากขึ้น กลไกลการผลิตคอลลาเจนก็ลดน้อยลง จึงเป็นสาเหตุให้คนที่มีอายุมาก เกิดผิวความหมองคล้ำ ไม่ขาวกระจ่างใส และเกิดความหย่อนคล้อยขึ้น แต่นั่นก็ไม่เสมอไป คนที่มีอายุน้อย หรือช่วงวัยรุ่นก็สามารถพบเจอปัญหานี้ได้เช่นเดียวกันเพราะการที่คอลลาเจนลดน้อยลง เกิดจากหลายปัจจัย หลายสาเหตุ เช่น มลภาวะทางอากาศ ฝุ่น ควัน หรือแสงแดด ที่ทำร้ายผิวให้แห้งเสีย ส่งผลให้คอลลาเจนลดลง เป็นต้น

คอลลาเจนคิวเทน

โคเอนไซม์คิวเทน (Coenzyme Q10) คือ สารอาหารที่มีคุณสมบัติช่วยทำให้เซลล์แข็งแรง โดยมีคุณสมบัติคล้ายกับวิตามินอี ที่ช่วยในเรื่องของการลดเลือนริ้วรอย เพิ่มอิลาสตินให้แก่ผิว ช่วยชะลอการเสื่อมสภาพของเซลล์ผิวหนังเป็นตัวช่วยสำคัญในกระบวนการสร้างคอลลาเจน โดยทั่วไปมักพบโคเอนไซม์คิวเทนในอาหารประเภทปลา เข่น ปลาแซลม่อน ปลาแมคเคอเรล ปลาซาร์ดีน น้ำมันปลา เป็นต้น นอกจากนั้นยังพบได้ใน ไข่ไก่ เครื่องในสัตว์ เนื้อสัตว์ นมถั่วเหลือง ฯลฯ โคเอนไซม์คิวเทนไม่เพียงแต่มีประโยชน์ด้านผิวพรรณเท่านั้น แต่ยังมีประโยชน์ในด้านการบำรุงสุขภาพร่างกายด้วย ดังนี้

 

มีผลดีต่อระบบหลอดเลือดและหัวใจ

คอลลาเจนคิวเทน (โคเอนไซม์คิวเทน) มีส่วนช่วยในการเพิ่มพลังงานของเซลล์ในร่างกาย และมีคุณสมบัติต่อต้านอนุมูลอิสระทำหน้าที่ปกป้องเซลล์ต่างๆ จึงส่งผลดีต่อระบบหลอดเลือดและหัวใจ ช่วยให้กล้ามเนื้อของหัวใจทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ช่วยให้ความดันโลหิตลดลง

 

ส่งผลดีต่อสมอง

มีงานวิจัยบ่งบอกว่า โคเอนไซม์คิวเทน มีผลดีต่อระบบสมอง โดยมีการทดลองใช้โคเอนไซม์คิวเทนกับผู้ป่วยที่เป็นโรคอัลไซเมอร์ และโรคพาร์กินสัน ผลปรากฏว่าโคเอนไซม์คิวเทนช่วยให้อาการดีขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องของความจำ

 

ช่วยเพิ่มระบบภูมิคุ้มกัน

โคเอนไซม์คิวเทน มีส่วนช่วยในการเพิ่มระบบภูมิคุ้มกัน ช่วยให้ร่างกายทำงานได้ดีขึ้น โดยเฉพาะผู้ที่ต้องใช้ร่างกายหนักหน่วง เช่น นักกีฬา หรือคนที่ต้องทำงานหนัก ช่วยลดอาการเหนื่อยเร็ว อ่อนเพลียเรื้อรัง และภาวะเหงือกอักเสบ

คอลลาเจนคิวเทน

 

คำแนะนำในการรับประทานคอลลาเจนคิวเทน

โคเอนไซม์คิวเทน สามารถละลายได้ดีในไขมัน ปัจจุบันโคเอนไซม์คิวเทนมีด้วยกันหลากหลายชนิด เช่น ชนิดแคปซูล ชนิดน้ำ หรือชนิดผง เป็นต้น

  • ผู้ที่อยู่ในภาวะระบบสมอง ทำงานผิดปกติ หรือต้องการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบหลอดเลือดและหัวใจ ควรรับประทานโคเอนไซม์คิวเทนครั้งละ 100 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง
  • ผู้ที่มีภาวะความดันโลหิตสูง หรือโรคอ่อนเพลียเรื้อรัง ควรรับประทานโคเอนไซม์คิวเทนครั้งละ 50 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง
  • ผู้ที่ต้องการป้องกันการเสื่อมสภาพของเซลล์ในร่างกาย หรือผู้ที่เป็นโรคเหงือกอักเสบ ควรรับประทานโคเอนไซม์คิวเทนครั้งละ 50 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง

เชื่อว่ามาถึงตรงนี้ หลายคนคงเกิดความสงสัยว่าระหว่างคอลลาเจน และโคเอนไซม์คิวเทน อันไหนดีกว่ากัน คำตอบคือทั้งสองอย่างดีเหมือนๆ กัน คอลลเจน จะเน้นในส่วนผิวพรรณและเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง ส่วนโคเอนไซม์คิวเทน จะเน้นเรื่องการสร้างเซลล์ให้แข็งแรง และบำรุงสุขภาพ ช่วยให้ระบบทำงานของร่างกายมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ก็มีคุณสมบัติช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้แก่ผิวเช่นเดียวกัน ช่วยชะลอการเสื่อมสภาพของเซลล์ผิว และเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนที่ดี สำหรับคนที่รักพี่ เสียดายน้อง หรือตัดสินใจไม่ได้ว่าควรเลือกอะไรดี ระหว่าง คอลลาเจน และโคเอนไซม์คิวเทน จะดีกว่าไหมหากเราสามารถเลือกได้ทั้งสองอย่าง กับผลิตภัณฑ์อาหารเสริม ที่สามารถตอบโจทย์คุณได้อย่างแท้จริง

คอลลาเจนคิวเทน

เราขอแนะนำ “ยากุรุโตะ คอลลาเจน” ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมประเภทคอลลาเจน ที่มีส่วนผสมของโคเอนไซม์คิวเทน ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมบำรุงผิวให้ขาว ใส เนียนนุ่ม ชุ่มชื้น ช่วยชะลอการเสื่อมสภาพของเซลล์ผิว ทำให้ผิวกระชับมากยิ่งขึ้น บอกลาปัญหาหน้าหมองคล้ำ และผิวหย่อนคล้อยไปได้เลย มาในรูปแบบชนิดผง ชงพร้อมดื่ม เพียงชงหนึ่งซองในน้ำธรรมดาหรือน้ำเย็น 120 มล. ดื่มตอนเช้าหรือก่อนเข้านอนก็ได้ บอกเลยว่ารสชาติอร่อย ถูกปาก ทานแล้วไม่อ้วน ช่วยให้ผิวคุณขาวใส อย่างมีสุขภาพดี วางใจในเรื่องความปลอดภัยเพราะผลิตภัณฑ์ตัวนี้มีเลขที่จดแจ้ง ถูกต้องตามกฎหมาย จำหน่ายในราคาไม่แพง มองหาผลิตภัณฑ์อาหารเสริมบำรุงผิว และบำรุงสุขภาพ ต้องยากุรุโตะ คอลลาเจนคิวเทน ตัวนี้เด็ดมาก ถ้าไม่ลองแล้วคุณจะเสียใจ…

เซรั่มกระชับช่องคลอด

น้องสาวไม่ฟิต ขาดความมั่นใจ แก้ได้ด้วยเซรั่มกระชับช่องคลอด

เซรั่มกระชับช่องคลอด ทางเลือกสำหรับคุณสาวๆ ที่ความความมั่นใจ

ปัญหาช่องคลอดไม่กระชับ คือ ปัญหาที่ทำให้ผู้หญิงอย่างเราขาดความมั่นใจอย่างมาก โดยเฉพาะการทำกิจกรรมร่วมกับคุณสามี ไม่ว่าภรรยาคนไหน ก็ต้องการสร้างความประทับใจให้คุณสามีกันทั้งนั้น หลายคนเข้าใจว่าปัญหาช่องคลอดไม่กระชับมักเกิดขึ้นกับผู้หญิงที่มีอายุมาก แต่ในความเป็นจริงแล้ว ปัญหานี้สามารถเกิดขึ้นได้กับคนที่มีอายุน้อย หรือวัยรุ่นเช่นเดียวกัน วันนี้เราจะพาทุกคนมาเจาะลึกถึงสาเหตุที่ทำให้ช่องคลอดไม่กระชับ พร้อมทั้งแนะนำตัวช่วยดีๆ อย่าง เซรั่มกระชับช่องคลอด จะน่าสนใจแค่ไหน ไปดูพร้อมๆ กันเลย

 

ทำไมช่องคลอดไม่กระชับ

การที่ช่องคลอดไม่กระชับ เกิดจากการเสื่อมสภาพของเซลล์บริเวณช่องคลอด หรือแม้แต่องค์ประกอบภายในช่องคลอดถูกทำลาย ไม่ว่าจะเป็นโครงสร้างกล้ามเนื้อ โครงสร้างช่องคลอด หรือแม้แต่ผนังเนื้อเยื่อตรงบริเวณช่องคลอด เมื่อเกิดการเสื่อมสภาพลง จึงทำให้ช่องคลอดเกิดการหย่อนคล้อย นั่นเอง โดยสาเหตุที่ส่งผลให้ช่องคลอดไม่กระชับ มีด้วยกันหลายปัจจัย ดังนี้

  • คนที่มีน้ำหนักตัวมาก ส่งผลทำให้แรงดันภายในช่องท้องมีมากจนผิดปกติ
  • การคลอดบุตรโดยธรรมชาติ ส่งผลทำให้ช่องคลอดทั้งภายในและภายนอกเกิดการขยายตัวมากขึ้น
  • กิจกรรมบางอย่าง ส่งผลให้แรงดันในช่องท้องเพิ่มมากขึ้น เช่น การยกของหนัก
  • ผู้ที่มีความผิดปกติของเนื้อเยื่อ หรืออยู่ในภาวะกล้ามเนื้ออ่อนแรงโดยกำเนิด
  • ผู้ที่มีอาการท้องผูกเรื้อรัง หรือมีอาการเบ่งนานๆ
  • ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น หอบหืด ไอเรื้อรัง
  • ผู้ที่มีอายุเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้ระดับฮอร์โมนในร่างกายลดน้อยลง

เซรั่มกระชับช่องคลอด

อาการช่องคลอดไม่กระชับ โดยปกติแล้วจะรู้สึกหลวมๆ ภายในช่องคลอด บางครั้งอาจเกิดความรู้สึกหนักหรือรู้สึกปวดขึ้น แบบหน่วงๆ ท้องน้อย หรือมีลมออกในขณะที่มีเพศสัมพันธ์ ตลอดจนรู้สึกเจ็บในระหว่างมีเพศสัมพันธ์ด้วย อาการช่องคลอดไม่กระชับแบบรุนแรง จะมีลักษณะเป็นก้อน ยื่นออกมาจากช่องคลอด ถ้าถามว่าช่องคลอดไม่กระชับนั้น ส่งผลกระทบในด้านใดบ้าง แน่นอนว่าหลักๆ แล้ว คือ เรื่องของการมีเพศสัมพันธ์ ทำให้ไม่มีความสุขในขณะมีเพศสัมพันธ์ บางครั้งอาจส่งผลถึงปัญหาการใช้ชีวิตคู่เลยก็เป็นได้ นอกจากนั้นยังอาจส่งผลกระทบด้านอารมณ์ ภาวะจิตใจด้วย เช่น เกิดความไม่มั่นใจในตัวเอง รวมทั้งอาการปัสสาวะเล็ด

 

ช่อคลอดไม่กระชับ มีแนวทางในการรักษาอย่างไร

เชื่อว่าผู้หญิงหลายคนไม่กล้าที่จะเปิดเผยเรื่องแบบนี้ เพราะเกิดความเขินอาย ซึ่งในความเป็นจริงแล้วปัญหาแบบนี้ ไม่ใช่เรื่องที่น่าอายแต่อย่างใด เพราะไม่ว่าผู้หญิงคนไหนก็มีโอกาสเกิดภาวะช่องคลอดไม่กระชับได้ โดยสามารถแก้ไขปัญหานี้ได้ ดังนี้

1.การผ่าตัด

การผ่าตัด คือ การผ่าตัดบริเวณผนังช่องคลอด ในส่วนที่ยื่นออกมา จากนั้นแพทย์ผ่าตัดจะทำการเย็บ เพื่อตกแต่งให้ผนังในช่องคลอดเกิดความตึง แข็งแรงและกระชับมากยิ่งขึ้น

เซรั่มกระชับช่องคลอด

 

2.รักษาโดยใช้เลเซอร์กระชับช่องคลอดหรือมินิรีแพร์

การรักษาด้วยวิธีนี้ คือ นัวตกรรมที่ทันสมัย สามารถทำให้ช่องคลอดเกิดการกระชับขึ้นได้ โดยไม่ต้องผ่าตัด แต่ใช้การเลเซอร์หรือเรียกว่ามินิรีแพร์แทน เพื่อกระตุ้นให้เนื้อเยื่อเกิดการสร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ ในช่วงเวลาประมาณ 1-3 เดือนถัดไป จะส่งผลให้ช่องคลอดเกิดการกระชับมากยิ่งขึ้นและช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้แก่ช่องคลอด

เซรั่มกระชับช่องคลอด

อย่างไรก็ตาม การผ่าตัดหรือการรีแพร์ช่องคลอดนั้น มีค่าใช้จ่ายสูง และอาจมีผลข้างเคียงเกิดขึ้นด้วย เช่น อาการปวดช่องคลอดจากแผลผ่าตัด  มีภาวะเลือดออกในช่องคลอด หรือภาวะติดเชื้อ เป็นต้น ทั้งนี้ ผู้เข้ารับการรักษาจำเป็นต้นศึกษาถึงผลกระทบหรือผลข้างเคียงที่เกิดขึ้น รวมทั้งเลือกคลินิกหรือโรงพยาบาลที่มีความน่าเชื่อถือ เพื่อความปลอดภัยของตัวคุณเอง และสำหรับผู้หญิงคนไหน ไม่สะดวกเข้ารับการผ่าตัด หรือไม่อยากทำรีแพร์ วันนี้เรามีทางออกดีๆ มานำเสนอ

 

ช่องคลอดไม่กระชับ แก้ไขได้ด้วย “เซรั่มกระชับช่องคลอด” ขอแนะนำ เพรียวซีเครทเซรั่ม (Pure Secret Serum) แบรนด์นี้ รับประกันไม่มีผิดหวังแน่นอน ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดจุดซ่อนเร้น พร้อมบำรุง ดูแล และฟื้นฟูจุดซ่อนเร้นให้กระชับ หมดปัญหาช่องคลอดหย่อนคล้อย คืนความประทับใจให้คุณสามี ด้วยเพรียวซีเครทเซรั่ม สูตรอ่อนโยนต่อผิว ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง  เพรียวซีเครทเซรั่ม (Pure Secret Serum) มาพร้อมสารสกัดอันทรงคุณค่า

หญ้ารีแพร์ ด้วยสารสกัดจากหญ้ารีแพร์ ช่วยเพิ่มความกระชับให้กับช่องคลอด มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ และอุดมไปด้วยคอลลาเจน ช่วยบำรุงผิวบริเวณจุดเร้นให้เต่งตึง และขาวเปล่งปลั่ง จนทำให้คุณประทับใจ

ลูกพลับ ผลไม้ที่อุดมไปด้วยคุณประโยชน์มากมาย บำรุงผิวบริเวณจุดซ่อนให้ขาว กระจ่างใส จนสามีต้องแปลกใจ ที่สำคัญ ลูกพลับ ยังช่วยดับกลิ่นไม่พึงประสงค์ที่จุดซอนเร้นได้อีกด้วย เนื่องจากมีองค์ประกอบของสารแทนนินในปริมาณสูง

ดอกคาโมมายล์ มีสารสกัดจากดอกคาโมมายล์ ช่วยฆ่าเชื้อโรคและแบคทีเรีย ตรงบริเวณจุดซ่อนเร้น คืนความนุ่ม ชุ่มชื้นให้เซลล์ผิว ช่วยปรับสภาพผิวให้ขาว เรียบเนียน

เซรั่มกระชับช่องคลอด

ยังไม่หมดแค่นี้ เพรียวซีเครทเซรั่ม (Pure Secret Serum) เซรั่มกระชับช่องคลอด ตัวนี้ ยังมีสารลดการระคายเคืองที่ปลอดภัย พร้อมทั้งสารสกัดจากธรรมชาติมากมาย ที่ถูกพัฒนาขึ้นให้เหมาะกับทุกสภาพผิว อ่อนโยน ไม่เป็นอันตรายแม้ผิวแพ้ง่าย และไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองใดๆ ทั้งสิ้น มองหาผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดจุดซ่อนเร้นหรือตัวช่วยในการกระชับช่องคลอด เลือกใช้เพรียวซีเครทเซรั่มสิ ! แบรนด์นี้การันตี ความน่าเชื่อถือ ผลิตภัณฑ์ดี มาตรฐานสูง มีเลขที่จดแจ้งชัดเจน ถูกต้องตามกฎหมาย ปลอดภัย ไว้ใจได้ 100 %  

 

วิธีรักษาอาการคันช่องคลอด

คันในช่องคลอด เกิดจากอะไร และวิธีรักษาอาการคันช่องคลอด

แนะนำวิธีรักษาอาการคันช่องคลอด แบบอยู่หมัด

ปัญหาคันในช่องคลอด หรือคันที่บริเวณปากช่องคลอด ไม่ใช่เรื่องน่าอายเพราะมันคือปัญหาใหญ่สำหรับผู้หญิง อาจทำให้ผู้หญิงหลายคนเกิดความกังวลใจเป็นอย่างมาก หรือรู้สึกหงุดหนิด ไม่เป็นอันทำอะไร รู้หรือไม่ว่าคันในช่องคลอดนั้น เกิดจากสาเหตุใด พฤติกรรมใดบ้างที่เสี่ยงจะทำให้เกิดอาการคันในช่องคลอด วันนี้เราจะพาสาวๆ มาหาคำตอบไปพร้อมๆ กัน พร้อมทั้งแนะนำวิธีรักษาอาการคันช่องคลอด ถ้าอยากรู้แล้วไปดูกันเลย

วิธีรักษาอาการคันช่องคลอด

 

สาเหตุของอาการคันในช่องคลอด

คันในช่องคลอด เกิดขึ้นด้วยกันหลายสาเหตุ โดยจะจำแนกสาเหตุจาก 2 ปัจจัยหลักๆ คือ ปัญหาสุขภาพ และพฤติกรรมการใช้ชีวิต โดยมีสาระดังต่อไปนี้

 

1.พฤติกรรมการใช้ชีวิต

  • โกนขนตรงบริเวณจุดซ่อนเร้น : การโขนขุนตรงบริเวณจุดซ่อนเร้น ส่งผลให้เกิดอาการคันในช่องคลอด ปัญหานี้มักพบบ่อย เมื่อขนงอกขึ้นมาใหม่สั้นเป็นตอ จึงทำให้เกิดการคัน บางคนมีอาการคันอย่างรุนแรง เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหานี้ แนะนำให้ใช้การแวกซ์ขนหรือเล็มขนแทนการโกน
  • ใช้สารเคมี : ผู้หญิงบางคนมีอาการแพ้สารเคมี จากผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดจุดซ่อนเร้น จนก่อให้เกิดอาการแพ้หรือเกิดอาการคันจนและระคายเคืองขึ้น
  • กิจกรรมต่างๆ : กิจกรรมบางอย่าง ส่งผลให้เกิดอาการคันบริเวณช่องคลอด หรือจุดซ่อนเร้นได้ เช่น ปั่นจักรยาน ขี่ม้า หรือแม้แต่การสวมใส่กางเกงในที่รัดแน่นจนเกินไป เป็นต้น
  • ความเครียด : แม้ว่าสาเหตุนี้ อาจเกิดขึ้นไม่บ่อยนัก แต่ก็มีโอกาสเกิดขึ้นได้เช่นเดียวกัน ความเครียดทำให้เกิดอาการคันบริเวณช่องคลอดได้ เมื่อเครียดระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายจะอ่อนแอลง จึงเป็นสาเหตุของการติดเชื้อได้ง่ายขึ้น

วิธีรักษาอาการคันช่องคลอด

 

2.ปัญหาสุขภาพ

  • โรคผิวหนัง : โรคผิวหนังบางชนิด อาจส่งผลให้เกิดการคันหรือระคายเคืองบริเวณช่องคลอด เช่น โรคภูมิแพ้ โรคสะเก็ดเงิน เป็นต้น ที่ส่งผลให้มีอาการคันตามร่างกาย โดยเฉพาะคันในที่ลับ จุดซ่อนเร้น หรือคันตามข้อพับต่างๆ
  • โรคเชื้อรา : โรคเชื้อรามักพบได้บ่อยในเพศหญิง เมื่อเชื้อราในช่องคลอดเพิ่มจำนวนขึ้น ส่งผลให้เกิดอาการคัน หรือระคายเคือง และอาจมีอาการตกขาวเป็นก้อนไหลออกมาจากช่องคลอดด้วย
  • โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ : โรคนี้มักเกิดจากการมีเพศสัมพันธ์ โดยไม่ได้ป้องกัน เช่น ติดเชื้อทริโคโมแนส หนองในแท้ หนองในเทียม เป็นต้น ด้วยเหตุนี้จึงส่งผลให้เกิดอาการคันในช่องคลอด โดยอาจมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น ตกขาวมีสีเหลือง หรือสีเขียว ปวดแสบขณะปัสสาวะ เป็นต้น
  • โรคมะเร็งปากช่องคลอด : โรคมะเร็งช่องคลอด โรคนี้พบได้ในเพศหญิง บางรายอาจไม่เกิดอาการใดๆ แต่บางรายอาจมีอาการคันช่องคลอด มีเลือดออก หรือรู้สึกเจ็บบริเวณช่องคลอด ซึ่งหากตรวจพบแต่เนิ่นๆ ก็สามารถรักษาให้หายได้
  • วัยทอง : ผู้หญิงวัยทองหรือวัยหมดประจำเดือน ฮอร์โมนเอสโตรเจนจะลดลง ซึ่งฮอร์โมนนี้ทำหน้าที่เคลือบช่องคลอด เมื่อฮอร์โมนเอสโตรเจนแห้งหรือลดลง จึงส่งผลให้บริเวณช่องคลอดแห้ง จนก่อให้เกิดอาการคันบริเวณช่องคลอด นั่นเอง

วิธีรักษาอาการคันช่องคลอด

 

วิธีป้องกันและรักษาอาการคันช่องคลอด

เมื่อได้รู้สาเหตุของอาการคันในช่องคลอดไปแล้ว ต่อไปจะขอพูดถึงการรักษา ในส่วนการรักษานั้นจะเน้นที่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม แล้วหันมาดูแลเอาใจใส่สุขอนามัยตนเองให้ดีขึ้น โดยมีดังต่อไปนี้

  • หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ หรือควรสวมใส่ถุงยางอนามัย ตลอดจนใช้เจลหล่อลื่นในกรณีที่ช่องคลอดแห้ง
  • ห้ามแกะ หรือเกาบริเวณช่องคลอด เพราะอาจส่งผลทำให้เกิดอาการระคายเคืองที่รุนแรงและการติดเชื้อได้
  • หลังอุจาระควรเช็คทำความสะอาดจากด้านหน้าไปด้านหลังเท่านั้น
  • สวมใส่กางเกงในที่ระบายอากาศได้ดี ทำจากผ้าฝ้ายหรือเส้นใยธรรมชาติ เพื่อป้องกันกลิ่นอับชื้น การสะสมของเหงื่อ เชื้อโรคและแบคทีเรีย
  • รับประทานอาหารที่มีจุลินทรีย์ เช่น นมเปรี้ยว หรือโยเกิร์ต เพื่อลดโอกาสการเกิดเชื้อราในช่องคลอด
  • หากเสื้อเปียกชื้น หลังจากทำกิจกรรมว่ายน้ำ หรือออกกำลังกาย จะต้องรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าทันที
  • ล้างจุดซ่อนเร้นด้วยผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดจุดซ่อนเร้นที่มีความอ่อนโยนต่อผิว เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีความน่าเชื่อถือ แต่ไม่ควรล้างมากกว่า 1 ครั้งต่อวัน เพราะอาจส่งผลให้เกิดช่องคลอดแห้งได้
  • ไม่ควรใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดจุดซ่อนเร้นบางประเภท ที่ไม่เหมาะสม เช่น สเปรย์ หรืออุปกรณ์สวนล้างช่องคลอด เป็นต้น
  • หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดจุดซ่อนเร้นหรือโฟมอาบน้ำ ที่มีส่วนผสมของน้ำหอม รวมทั้งผ้าอนามัย สบู่ และกระดาษชำระด้วย

วิธีรักษาอาการคันช่องคลอด

ทั้งหมดนี้ คือ วิธีรักษาอาการคันช่องคลอด โดยหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะเป็นประโยชน์สำหรับผู้หญิงทุกคน หรือคนที่กำลังศึกษาเรื่องนี้ เพื่อให้เกิดความรู้ความเข้าใจ จนนำไปสู่วิธีการป้องกันและรักษาอย่างถูกต้อง อย่างไรก็ตาม หากพบว่าอาการคันในช่องคลอดยังไม่ดีขึ้น หรือมีอาการคันในช่องคลอดที่รุนแรง ควรรีบไปพบแพทย์โดยทันทีทันใด เช่น มีแผลบริเวณช่องคลอด การปัสสาวะมีปัญหา มีอาการตกขาวผิดปกติ รู้สึกเจ็บตรงช่องคลอด รู้สึกไม่สบายตัวเมื่อมีเพศสัมพันธ์ เป็นต้น หากพบอาการเหล่านี้แล้วรักษาด้วยตนเองไม่หาย อาการไม่ดีขึ้น ไม่ควรชะล่าใจเด็ดขาด ต้องรีบไปพบแพทย์โดยเร็ว ผู้หญิงหลายคนมักเขินอายกับเรื่องแบบนี้ ซึ่งปัญหานี้ไม่ใช่เรื่องที่น่าอายเพราะหากปล่อยเอาไว้นาน อาจไม่เป็นผลดีต่อสุขภาพนัก

กินอะไรให้ขาว

กินอะไรให้ขาว กับ อาหาร 7 อย่าง ที่จะช่วยให้ผิวของเราดูขาวใส

กินอะไรให้ขาว ผิวดีดูเปล่งปลั่งอย่างมีออร่า วันนี้เราจะบอกเคล็ดลับ ให้ได้รู้กัน

การมีผิวที่ขาว สวย สุขภาพดี คือ สิ่งที่ชายหญิงทุกคนปารถนา โดยเฉพาะผู้หญิง คนไทยอาศัยอยู่ในทวีปเอเชีย แต่ด้วยสภาพภูมิอากาศที่ร้อน จึงทำให้ผิวไม่ได้ขาวเว่อร์เหมือนสาวๆ ประเทศเกาหลีหรือประเทศญี่ปุ่น สำหรับใครที่เกิดมามีผิวขาวตามพันธุกรรม ก็นับว่าเป็นเรื่องที่โชคดีมาก แม้สีผิวจะไม่ได้บอกถึงตัวตนที่แท้จริง แต่ก็ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับสาวๆ ได้เป็นอย่างมากเลยทีเดียว

กินอะไรให้ขาว

ส่วนคนผิวสีแทนหรือผิวดำ ก็ไม่ต้องเสียใจไป เพราะมีหลากหลายวิธีที่ช่วยทำให้คุณผิวขาวได้ อย่างไรก็ตาม คนที่ผิวขาวมาตั้งแต่กำเนิด ก็ใช่ว่าผิวจะขาวสม่ำเสมอกัน ด้วยปัจจัยหลายๆ อย่าง เช่น มลภาวะทางอากาศ ฝุ่น ควัน โดยเฉพาะแสงแดดที่เป็นตัวการสำคัญทำให้ผิวหมองคล้ำ เกิดริ้วรอยแห่งวัย รวมทั้งปัญหาสิวอีกนานับประการ ดังนั้น วันนี้เราจึงจะมาแชร์ กินอะไรให้ขาว กับ 7 สิ่งที่สาวๆ ควรกิน ถ้าอยากขาวแล้วก็ตามไปชมพร้อมๆ กันเลย

 

1.นมถั่วเหลือง

กินอะไรให้ขาว

นมถั่วเหลือง มีประโยชน์ต่อผิวพรรณมากๆ และเหมาะกับผู้หญิงเป็นที่สุด เนื่องจากในนมถั่วเหลืองมีสารที่เรียกว่าไอโซฟลาโวน เมื่อดื่มสารนี้เข้าไป สารชนิดนี้จะเปลี่ยนเป็นไฟโตรเอสโตรเจน ทำหน้าที่คล้ายกับฮอร์โมนในเพศหญิง ช่วยให้ผิวพรรณขาวสวยอย่างเป็นธรรมชาติ นอกจากนั้นในนมถั่วเหลืองยังมีโปรตีน กรดอะมิโน ที่ทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งดูมีน้ำมีนวล เท่านั้นยังไม่พอ นมถั่วเหลืองยังมีแคลเซียม ที่ช่วยเรื่องกระดูกและฟันให้แข็งแรงด้วย

 

2.น้ำมะเขือเทศ

กินอะไรให้ขาว

น้ำมะเขือเทศ เป็นแหล่งรวบรวมวิตามินมากมาย ทั้งวิตามินเอ วิตามินเค และวิตามินซี และมีสารช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ ทำให้ผิวพรรณขาวใส ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว ที่สำคัญเหมาะกับสาวๆ ที่มีปัญหาสิว หรือรอยแผลเป็นที่เกิดจากสิวมาก เพราะมะเขือเทศสามารถลดการเกิดสิวและลดแผลเป็นที่เกิดจากสิวได้ดี พร้อมทั้งมีสารไลโคปีน ที่ช่วยชะลอการเสื่อมสภาพของเซลล์ผิว ทำให้ผิวกระชับ เต่งตึงมากยิ่งขึ้น นอกจากนั้นยังมีส่วนช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้นกันให้แก่ร่างกาย และช่วยในเรื่องการขับถ่ายได้อีกด้วย

 

3.ปลาแซลมอน

กินอะไรให้ขาว

กินอะไรให้ขาว ปลาแซลมอนช่วยได้ ใครจะไปเชื่อว่าปลาแซลมอน จะมีส่วนช่วยทำให้ผิวขาวได้ ปลาแซลมอนขึ้นชื่อว่าเป็นสุดยอดอาหารผิว เนื่องจากเนื้อปลาแซลมอนมีส่วนประกอบของสารแอสตาแซนทินหรือคีโต-แคโรทีนอยด์ มีสรรพคุณเป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระ และมีกรดไขมันโอเมก้า 3 ที่ช่วยลดการอักเสบของผิวหนัง และกักเก็บความชุ่มชื้นไว้ในผิว นอกจากนั้นยังช่วยลดเลือนริ้วรอย ฝ้า กระ และจุดด่างดำได้อีกด้วย

 

4.สาหร่าย

กินอะไรให้ขาว

สำหรับใครที่ชื่นชอบการรับประทานสาหร่ายญี่ปุ่นอยู่แล้ว ก็ควรรับประทานต่อไป เพราะคุณกำลังมาถูกทางแล้ว สาหร่าย อุดมไปด้วยโปรตีน และแร่ธาตุมากมาย ที่ช่วยในการฟื้นฟูผิวพรรณให้ขาว สวย อีกทั้งยังมีส่วนช่วยชะลอการเสื่อมสภาพของเซลล์ผิว และในสาหร่ายมีวิตามินซี พร้อมทั้งคอลลาเจน ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้แก่ผิว ทำให้สาวๆ ที่ผิวหน้าที่แลดูอ่อนกว่าวัย

 

5.บลูเบอร์รี่

กินอะไรให้ขาว

บำรุงผิวให้ขาวจากภายในสู่ภายนอก ด้วยผลไม้ที่ใครหลายๆ คนโปรดปราณ บลูเบอร์รี่ ผลไม้ที่มีรสชาติเปรี้ยวอมหวาน อุดมไปด้วยสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดการเกิดริ้วรอย และเผยให้ผิวพรรณดูขาว กระจ่างใสขึ้น นอกจากนั้นยังมีส่วนช่วยในกระบวนการผลัดเซลล์ผิวเสียที่เสื่อมสภาพ พร้อมเผยให้เห็นผิวใหม่ที่ขาวสวยมากกว่าเดิม นอกจากบลูเบอร์รี่จะมีประโยชน์ต่อผิวพรรณแล้ว ยังมีประโยชน์ในเรื่องของการขับถ่ายและการย่อยอาหารที่ดี เนื่องจากเป็นผลไม้ที่มีไฟเบอร์สูง

 

6.ดื่มชาเขียว

กินอะไรให้ขาว

อยากมีผิวขาว ออร่า แนะนำให้ดื่มชาเขียวช่วยได้ แต่ทั้งนี้ต้องเป็นชาเขียวแท้ ไม่มีส่วนผสมของนมข้นหวาน หรือน้ำตาลเท่านั้น เนื่องจากชาเขียวมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยให้ผิวขาว และช่วยลดเลือนริ้วรอยบนใบหน้า โดยมีงานวิจัยบ่งบอกว่าการดื่มชาเขียว นอกจากจะช่วยให้ผิว ขาว ใส อย่างเป็นธรรมชาติแล้ว ยังช่วยลดการเกิดสิวและบรรเทาปัญหาผิวอักเสบได้อีกด้วย

 

7.กินธัญพืช

กินอะไรให้ขาว

ธัญพืช เมนูเพื่อผิวสวย ที่ไม่ควรมองห้ามเด็ดขาด โดยเฉพาะธัญพืชที่มีคุณค่าทางสารอาหารสูง เช่น ลูกเดือย ข้าวหอมนิล ถั่วแดง ถั่วดำ รำข้าว เป็นต้น ธัญพืชเหล่านี้มีวิตามินอี ที่ได้จากธรรมชาติ ช่วยให้ผิวขาวใส ลดเลือนริ้วรอย จุดด่างดำ อีกทั้งยังเป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอวัย และยังสามารถช่วยบำรุงสุขภาพร่างกายได้มากมาย เช่น บำรุงสมอง บำรุงไต ช่วยล้างสารพิษ ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย เป็นต้น

 

ทั้งหมดนี้ คือ กินอะไรให้ขาว กับ 7 สิ่ง ที่สาวๆ ควรกิน อย่างไรก็ตาม ด้วยวิถีชีวิตที่เร่งรีบของใครหลายๆ คน จึงทำให้เราไม่ค่อยมีเวลาดูแลตนเอง สาวๆ หลายคนเลือกรับประทานผลิตภัณฑ์อาหารเสริมประเภทคอลลาเจน ที่ทำให้ผิวขาวกระจ่างใส ผลิตภัณฑ์คอลลาเจนบางยี่ห้อง นอกจากรับประทานแล้วผิวขาว ยังดีต่อสุขภาพด้วย อย่างเช่น “ยากุรุโตะ คอลลาเจน” (Yakuruto Collagen)

กินอะไรให้ขาว

คอลลาเจนชนิดผง ชง พร้อมดื่ม รสชาติดี ดื่มง่าย ไม่อ้วน คอลลาเจนตัวนี้บอกเลยว่าเด็ดมาก นอกจากจะช่วยบำรุงผิวให้ขาว ใส แล้ว ยังช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว ทำให้ผิวเปล่งปลั่ง ดูมีน้ำมีนวลมากขึ้น ที่สำคัญยังดีต่อสุขภาพ เพราะเป็นคอลลาเจนที่ช่วยเสริมสร้างกระดูกและเอ็นให้แข็งแรง ช่วยในเรื่องการขับถ่าย ฟื้นฟูภูมิต้านทานในร่างกาย และเสริมสร้างประสิทธิภาพการทำงานของตับ มองหาคอลาเจนผิวขาว สุขภาพดี ต้องยากุรุโตะ คอลลาเจน” เท่านั้น !!

คอลลาเจนไตรเปปไทด์คือ

คอลลาเจนไตรเปปไทด์คืออะไร และประโยชน์ที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน

เจาะลึกคอลลาเจนไตรเปปไทด์คือ อะไร กินแล้วได้ประโยชน์อย่างไร

การดูแลรักษาสุขภาพทั้งร่างกายและผิวพรรณนั้นเป็นสิ่งสำคัญ การมีร่างกายที่ดี ผิวพรรณที่สวยงามคือสิ่งที่หนุ่มสาว หลายคนปรารถนา โดยเฉพาะอย่างยิ่งสาวๆ ที่ต้องดูแลตัวเอง เพื่อให้ดูดีอยู่เสมอ แต่ด้วยวิถีชีวิตที่เร่งรีบ หรือไลฟ์สไตล์ที่เร่งรีบของคนในยุคนี้ทำให้หลายคนไม่ค่อยมีเวลาดูแลตนเอง จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเข้ามาตอบโจทย์เรื่องนี้ สำหรับผู้หญิง ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่ได้รับความนิยมมากที่สุด คงจะหนีไม่พ้นคอลลาเจน เช่นเคย บ่อยครั้งที่เรามักจะได้ยินผลิตภัณฑ์ คอลลาเจนไตรเปปไทด์ แต่รู้หรือไม่ว่าจริงๆ แล้วคอลลาเจนไตรเปปไทด์คืออะไร และมีประโยชน์ต่อร่างกายมากน้อยแค่ไหน วันนี้เราจะพาทุกคนมาหาคำตอบไปพร้อมๆ กัน

คอลลาเจนไตรเปปไทด์คือ

คอลลาเจนไตรเปปไทด์ (Collagen Tripeptide) เป็นคอลลาเจนชนิดหนึ่ง ซึ่งเป็นนวัตกรรมสมัยใหม่ของคอลลาเจนที่ถูกพัฒนามาให้ไฉไลมากกว่าเดิม คอลลาเจนไตรเปปไทด์มีคุณสมบัติพิเศษมากกว่าคอลลาเจนธรรมดาทั่วไป เนื่องจากมีคุณสมบัติช่วยให้ร่างกายสามารถดูดซึมได้ดีกว่า โดยมีผลการวิจัยระบุว่า คอลลาเจนไตรเปปไทด์ ช่วยให้ร่างกายสามารถดูดซึมได้ดีมากกว่าคอลลาเจนธรรมดาทั่วไปถึง 3 เท่าเลยทีเดียว ผลจากการที่ร่างกายสามารถดูดซึมได้ดีกว่า ส่งผลให้ร่างกายได้รับประโยชน์จากคอลลาเจนมากที่สุดนั่นเอง

 

ประโยชน์ของคอลลาเจนไตรเปปไทด์ ที่คุณไม่เคยรู้มาก่อน

 

1.แก้ปัญหาริ้วรอย ร่องลึก ลดรอยหมองคล้ำ

ในแต่ละวันเราต้องพบเจอกับมลภาวต่างๆ มากมายที่อยู่รอบตัวเรา เช่น ฝุ่น ควัน แสงแดด ที่คอยทำร้ายผิวให้เกิดความหมองคล้ำ นอกจากนั้นยังทำให้เกิดริ้วรอย ซึ่งคอลลาเจนไตรเปปไทด์ มีส่วนช่วยเติมเต็มร่องลึก ลดรอยหมองคล้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ  ทำให้ผิวพรรณดูขาว กระจ่างใสมากยิ่งขึ้น

 

2.ช่วยฟื้นฟูเซลล์ผิว

สืบเนื่องมาจากมลภาวะต่างๆ ฝุ่น ควัน หรือแสงแดด นอกจากจะเป็นตัวการทำให้เกิดความหมองคล้ำ และริ้วรอยเหี่ยวย่นแล้ว ยังเป็นตัวการสำคัญทำให้ผิวแห้ง ขาดความชุ่มชื้นอีกด้วย ปัญหาผิวหน้าแห้งกร้าน ขาดความชุ่มชื้นส่งผลทำให้เกิดสิวต่างๆ ตามมาได้ง่าย ทำให้สาวๆ อย่างเราขาดความมั่นใจ แต่คอลลาเจนไตรเปปไทด์ สามารถช่วยฟื้นฟูสภาพเซลล์ผิวที่แห้งเสียของคุณให้กลับมาเนียน นุ่ม และชุ่มชื่นขึ้นอีกครั้ง บอกลาปัญหาผิวหน้าแห้งเสีย และปัญหาสิวกวนใจไปได้เลย

คอลลาเจนไตรเปปไทด์คือ

 

3.ช่วยเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง

นอกจากคอลลาเจนไตรเปปไทด์จะช่วยฟื้นฟูเซลล์ผิว หรือส่งผลดีต่อผิวพรรณแล้ว ยังส่งผลดีต่อกระดูกด้วย เนื่องจากคอลลาเจนไตรเปปไทด์ มีคุณสมบัติในการซ่อมแซมกระดูกและเล็บให้แข็งแรง ชะลอการเสื่อมสภาพของกระดูก ช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุน และโรคอื่นๆ ที่เกี่ยงข้องกับกระดูกหรือข้อต่อ นอกจากนั้นยังช่วยลดปัญหาการปวดเมื่อยตามร่างกายได้ด้วย

 

4.ป้องกันรังสียูวี

นอกจากคอลลาเจนไตรเปปไทด์จะช่วยบำรุงหรือฟื้นฟูผิวที่ถูกแสงแดดทำลายได้แล้ว ยังช่วยป้องกันรังสียูวี ทั้งรังสียูวีเอและรังสียูวีบีในแสงแดดได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาที่ต้นตอของสาเหตุ ไม่ใช่เพียงแค่การแก้ปัญหาที่ปลายเหตุอย่างเดียวเท่านั้น

 

5.ช่วยบำรุงเส้นผม

คอลลาเจนไตรเปปไทด์ ช่วยบำรุงเส้นผมให้แข็งแรง  โดยบำรุงในส่วนลึกของรากผม เพื่อป้องกันปัญหาผมขาดหลุดร่วงและผมแตกปลาย บำรุงเส้นผมของคุณให้สวยอย่างมีสุขภาพดี

คอลลาเจนไตรเปปไทด์คือ

ทั้งหมดนี้ ก็พอจะตอบข้อสงสัยได้แล้วว่า คอลลาเจนไตรเปปไทด์คือ อะไร และมีประโยชน์อย่างไร หลายคนเข้าใจว่าคอลลาเจนไตรเปปไทด์นั้นมีประโยชน์ในด้านผิวพรรณเท่านั้น ซึ่งในความเป็นจริงคอลลาเจนไตรเปปไทด์มีประโยชน์ในด้านสุขภาพร่างกายด้วย โดยเฉพาะกระดูกและข้อต่อ ทำให้ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์คอลลาเจนไตรเปปไทด์จำหน่ายมากมาย หลายรูปแบบ เช่น คอลลาเจนไตรเปปไทด์ชนิดเม็ด ชนิดแคปซูล ชนิดผง หรือชนิดน้ำ เป็นต้น โดยคุณสามารถหาซื้อผลิตภัณฑ์อาหารเสริมคอลลาเจนไตรเปปไทด์ได้ทั่วไป ตามร้านสะดวกซื้อ ห้างสรรพสินค้า หรือในช่องทางออนไลน์ และเพื่อความปลอดภัย ควรเลือกยี่ห้อที่มีความน่าเชื่อถือด้วย

 

อย่างเช่น “ยากุรุโตะ คอลลาเจน” (Yakuruto Collagen) ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมคอลลาเจนชนิดผง ชงพร้อมดื่ม คอลลาเจนแท้จากญี่ปุ่น 100 % โดยมีส่วนประกอบที่สำคัญ ได้แก่

  • คอลลาเจนไตรเปปไทด์ 80,000 ช่วยให้ร่างกายสามารถดูดซึมได้ดี มีประโยชน์ต่อสุขภาพและผิวพรรณ
  • สารสกัดอะเซโรล่าเชอร์รี่ มีวิตามินซีสูง นอกจากช่วยทำให้ผิวขาวกระจ่างใสแล้ว ยังช่วยป้องกันไข้หวัดได้อีกด้วย
  • แอลกลูต้าไธโอน ช่วยในกระบวนการผลัดเซลล์ผิว มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระ และช่วยเสริมสร้างประสิทธิภาพการทำงานของตับ
  • สารสกัดจากส้มสีแดง ช่วยลดการอักเสบของผิว และชะลอการเสื่อมสภาพของเซลล์ผิว เปลี่ยนผิวโทรมให้กลายเป็นผิวสวย
  • แอล ซีสเทอีน ไฮโดรคอลไรด์ ช่วยปรับผิวให้เรียบเนียน สม่ำเสมอ บำรุงทั้งผิว ผม และเล็บ ให้สวยแบบมีสุขภาพดี นอกจากนั้นยังช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกายด้วย
  • ซิงค์อะมิโนแอซิดคีเลต ช่วยรักษาสิว และสมายรอยแผลเป็น
  • ดี แอลฟา ไทโคเฟอริล แอซิด ซัคซิเนต ช่วยสร้างสมดุลให้แก่ฮอร์โมน
  • โคเอนไซม์ คิวเท็น ช่วยให้ระบบการทำงานของร่างกายมีประสิทธิภาพ บำรุงหลอดเลือด หัวใจ และช่วยในเรื่องความจำ

คอลลาเจนไตรเปปไทด์คือ

เมื่อได้รู้แล้วว่า คอลลาเจนไตรเปปไทด์คือ อะไร มีดีอย่างไร มองหาผลิตภัณฑ์อาหารเสริม ปลอดภัย ไว้ใจได้ เลือก“ยากุรุโตะ คอลลาเจน” (Yakuruto Collagen) ไม่มีผิดหวังแน่นอน

คอลลาเจนญี่ปุ่นตัวไหนดี

เลือกทานคอลลาเจนญี่ปุ่นตัวไหนดี จึงจะปลอดภัยและเห็นลัพธ์ดีที่สุด

เราควรเลือกทานคอลลาเจนญี่ปุ่นตัวไหนดี พร้อมแนะนำวิธีการทานให้ปลอดภัย

คอลลาเจนเป็นแหล่งอาหารเสริมผิวชั้นดีที่ได้จากหลายแหล่งที่มา แต่คอลลาเจนที่ได้รับการยกย่องว่ามีคุณภาพดี ทานแล้วร่างกายดูดซึมไปใช้ได้มากกว่าแหล่งอื่นคือคอลลาเจนจากปลาทะเลญี่ปุ่น ด้วยเหตุนี้ทำให้มีคอลลาเจนหลายตัวอ้างว่านำเข้าจากญี่ปุ่นแต่ไม่ได้นำเข้ามาจริงๆ อีกทั้งยังอวดอ้างสรรพคุณเกินจริงและไม่แนะนำวิธีการทานที่ถูกต้องปลอดภัยอีกด้วย ดังนั้นวันนี้นอกจากทาง JellyThailand จะมาแนะนำว่าควรซื้อคอลลาเจนญี่ปุ่นตัวไหนดีแล้ว ยังนำแนวทางการทานคอลลาเจนที่ปลอดภัยและเห็นผลจริงมากกันด้วยค่ะ

 

การทานคอลลาเจนให้ปลอดภัย

1.เริ่มทานอย่างระมัดระวัง คอลลาเจนหลายแบรนด์สกัดมาจากปลาทะเล ซึ่งอาจมีบางคนที่ไม่รู้ตัวมาก่อนว่าแพ้อาหารทะเล ดังนั้นเมื่อเริ่มทานครั้งแรก ให้ลองในปริมาณเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เมื่อทดสอบแล้วไม่ปรากฏอาการแพ้ใดๆแล้วจึงรับประทานในปริมาณปกติ ส่วนผู้ที่แพ้ก็ต้องเปลี่ยนไปทานคอลลาเจนที่ไม่ได้สกัดจากปลาทะเลแทน

2.ไม่ทานพร้อมมื้ออาหารหรือยาประเภทใดๆ เพราะร่างกายจะดูดซึมคอลลาเจนได้ไม่เต็มที่ รวมทั้งยาบางประเภทอาจลดทอนประสิทธิภาพของคอลลาเจนลงด้วยก็ได้ ดังนั้นแนะนำให้ทานคอลลาเจนหลังตื่นนอนทันที หลังจากนั้น 1-2 ชั่วโมงค่อยรับประทานอาหารมื้อเช้าและอย่าลืมทานก่อนนอนด้วยเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด อย่างไรก็ตามคอลลาเจนสามารถทานพร้อมกับวิตามินซีได้ เพราะวิตาซีจะช่วยกระตุ้นให้ร่างกายดูดซึมคอลลาเจนได้ดี ช่วยให้คอลลาเจนทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

คอลลาเจนญี่ปุ่นตัวไหนดี

3.คอลลาเจนชนิดผงดีกว่า เนื่องจากมีโมเลกุลที่เล็ก มีส่วนผสมของแป้งน้อย ร่างกายจึงย่อยและดูดซึมได้เร็วกว่ามาก สำหรับใครที่ทานคอลลาเจนแบบผงอยู่ แนะนำให้ชงดื่มพร้อมกับน้ำผลไม้ได้ ร่างกายจะได้วิตามินจากธรรมชาติเพิ่มเติมด้วย

4.ทานเป็นประจำ เมื่ออายุ 30 ปีขึ้นไป ร่างกายจะสร้างคอลลาเจนน้อยลง มีผลทำให้เริ่มเกิดริ้วรอยเหี่ยวย่นตามมา เพราะฉะนั้นควรทานคอลลาเจนเป็นประจำทุกวันเพื่อทดแทนในส่วนที่เสียไป ช่วยให้ผิวนุ่มเด้ง เรียบเนียนดูอ่อนเยาว์อยู่เสมอ ช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยได้

5.ทานในปริมาณที่เหมาะสม สำหรับคนทั่วไปที่ไม่ได้มีปัญหาสุขภาพ ต้องการทานเพื่อบำรุงผิวพรรณเท่านั้น ปริมาณคอลลาเจนที่ควรจะได้รับต่อวันอยู่ที่ 5,000 มิลลิกรัม แต่สำหรับผู้ป่วต้องการคอลลาเจนมากๆ เช่น ผู้ป่วยโรคข้อเสื่อม ผู้ป่วยมีปัญหากระดูกบางฯลฯ ควรได้รับคอลลาเจนตั้งแต่ 5,000-10,000 มิลลิกรัม ทั้งนี้ก่อนจะเลือกทานคอลลาเจนญี่ปุ่นตัวไหนดี ผู้ป่วยควรปรึกษาแพทย์ก่อน

คอลลาเจนญี่ปุ่นตัวไหนดี

อาหารเสริมคอลลาเจนจากญี่ปุ่นมีวางจำหน่ายหลากหลายยี่ห้อ แต่ไม่ใช่ทุกตัวจะสามารถเชื่อถือได้ เพราะบางตัวก็มีส่วนผสมที่ไม่ได้มาตรฐาน ทำให้ไม่มีความปลอดภัยในการรับประทาน แล้วจะเลือกซื้อคอลลาเจนจากญี่ปุ่นตัวไหนดี? ต้องนี่เลยค่ะ Yakuruto Collagen  ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมของเราของเราที่นำเข้าคอลลาเจนจากญี่ปุ่นจริงๆ รวมทั้งส่วนผสมอื่นทุกตัวก็ล้วนแต่ปลอดภัยต่อร่างกาย มีอย.รับรองชัดเจน สามารถตรวจสอบได้ จึงรับประทานได้อย่างมั่นใจ หมดกังวลเรื่องสารอันตรายอย่างแน่นอน

คอลลาเจนตัวไหนดีที่สุด

คอลลาเจนตัวไหนดีที่สุด เลือกคอลลาเจนอย่างไรจึงจะปลอดภัย

แนะนำเคล็ดลับการเลือกซื้อคอลลาเจนให้ปลอดภัย ได้ผลจริง

อยากมีผิวเรียบเนียน กระชับ อ่อนวัย แลดูขาวกระจ่างใสต้องทำอย่างไร? ทานคอลลาเจนคือคำตอบ อาหารเสริมคอลลาเจนในยุคนี้นับเป็นเทรนด์การดูแลผิวพรรณที่มาแรง เนื่องจากคอลลาเจนนั้นช่วยคืนความอ่อนเยาว์ให้กับผิวได้จริง อีกทั้งยังบำรุงไปถึงเส้นผม เล็บ กระดูกและกระดูกอ่อนด้วย จริงๆแล้วร่างกายของคนเราสร้างคอลลาเจนเองได้ แต่จะการสังเคราะห์จะลดลงตามวันที่เพิ่มขึ้น ดังนั้นจึงควรหาแหล่งคอลลาเจนเพิ่มเติมเพื่อทดแทนนั่นเอง แต่ว่าปัจจุบันนี้อาหารเสริมคอลลาเจนนั้นวางขายกันเยอะมาก หลายแบรนด์โอ้อวดสรรพคุณเกินจริงและใช้ส่วนผสมที่ไม่ปลอดภัยต่อร่างกาย แล้วควรทานคอลลาเจนตัวไหนดีที่สุด ปลอดภัยและเห็นผลจริง มาดูกันค่ะ 

1.แหล่งที่มา คอลลาเจนนั้นพบได้ในสัตว์หลายประเภท ไม่ว่าจะหมู วัว ไก่หรือปลา แต่ถ้าถามว่าคอลลาเจนตัวไหนที่ดีที่สุดนั้น ต้องเป็นคอลลาเจนที่สกัดจากปลาทะเล เพราะจะได้คอลลาเจนที่บริสุทธิ์กว่า มีคุณภาพกว่าและดูดซึมได้ดีกว่า ดังนั้นหากไม่แพ้อาหารทะเลแนะนำให้เลือกทานคอลลาเจนสกัดจากปลาทะเลดีที่สุด

2.ชนิดของคอลลาเจน ขนาดโมเลกุลของคอลลาเจนนั้นมีผลต่อการดูดซึม ยิ่งขนาดเล็กมากเท่าไร ยิ่งดูดซึมได้ดียิ่งขึ้น และคอลลาเจนที่มีโมเลกุลขนาดเล็กมากที่นิยมขายในปัจจุบันนั้นมีอยู่ 2 ชนิดด้วยกันคือ คอลลาเจนไตรเปปไทด์และคอลลาเจนเปบไทด์ หากอ่านฉลากแล้วเป็นคอลลาเจนใน 2 ชนิดนี้ก็ซื้อมาทานได้เลย

คอลลาเจนตัวไหนดีที่สุด

 

3.รูปแบบของคอลลาเจน คอลลาเจนแบบผงนั้นดีกว่า Collagen แบบเม็ด เนื่องจากแบบเม็ดมักจะผสมแป้งลงไปด้วยเพื่อความสะดวกในการอัดเม็ด ปริมาณคอลลาเจนต่อหน่วยจึงน้อยลง จึงต้องทานในปริมาณมากขึ้นไปด้วยเพื่อให้ได้คอลลาเจนมากขึ้น แป้งที่ได้รับจึงมากตามไปด้วยและผลที่อาจตามมาคือน้ำหนักขึ้นนั่นเอง

4.ต้องมีงานวิจัยรับรองผล เพื่อรับประกันความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพจริง ไม่เสียเงินไปฟรีๆ

5.มีวิตามินซี ช่วยให้ร่างกายดูดซึมคอลลาเจนได้ดียิ่งขึ้น วิตามินซีและคอลลาเจนจะทำงานส่งเสริมประสิทธิภาพกันและกัน นอกจากคอลลาเจนจะบำรุงผิวให้เรียบเนียนอ่อนเยาว์แล้ว ยังช่วยให้ผิวขาวกระจ่างใสขึ้นด้วย 

6.ความยากง่ายในการรับประทาน คอลลาเจนจริงๆที่ยังไม่ผ่านการปรุงแต่งกลิ่นรส มักจะมีกลิ่นและรสชาติที่คาว ทำให้ทานยาก แต่ปัจจุบันนี้คอลลาเจนมีการปรับปรุงรสชาติให้หอมอร่อยยิ่งขึ้น ทานง่าย ไม่คาว

7.ความปลอดภัย ไม่ซื้อคอลลาเจนที่โฆษณาเกินจริง คอลลาเจนที่ดีเบื้องต้นนั้นต้องมีฉลากแสดงส่วนประกอบ วัน/เดือน/ปีที่ผลิตอย่างชัดเจน มีอย.และได้รับการรับรองมาตรฐานเพิ่มเติมจากองค์กรอื่นๆเพื่อความปลอดภัย มีความน่าเชื่อถือ สามารถตรวจสอบได้

คอลลาเจนตัวไหนดีที่สุด

และนี่ก็เป็นวิธีการเลือกซื้ออาหารเสริมคอลลาเจนที่เรานำมาฝากกันค่ะ สำหรับใครที่สงสัยว่าคอลลาเจนตัวไหนดีที่สุดเพื่อเป็นแนวทางในการตัดสินใจซื้อมาทาน ก็ลองนำแนวทางข้างต้นไปใช้เลือกซื้อกันดูได้ รับรองว่าช่วยให้เลือกอาหารเสริมคอลลาเจนได้ตอบโจทย์ความต้องการมากขึ้นอย่างแน่นอน